=w=" แต่จำไม่ได้ว่าบ๊อกๆที่เคยเขียนไป เขียนเรื่องนี้ไปสองจังหวะ
จะกลับลำไปแก้ก็ขี้เกียจ
เอาเป็นว่าแถมบล๊อกนี้ให้อีกอันละกัน
อันแรก : http://wasseryharp.blogspot.com/2013/10/exteen-backup_3513.html
เอนทรี่ล้างบางความเครียด จะได้จบๆไปซะที
ตอนแรกว่าจะเขียนเรื่องการเมือง...
แต่ไหนๆช่วงนี้ก็เครียดติดๆกัน ก็เลยเอาซะหน่อย มีอะไรก็เอาให้หมดๆไปซะ จะได้ไม่ต้องมีติดค้างอะไรอีก แล้วจะได้เริ่มศักราชบล๊อกไร้สาระอีกสักที
...ยาวนรกอีกแล้ว...แต่ไม่แน่ คุณอาจจะรู้จักคนๆนี้ มีคนรู้จักที่เหมือนคนๆนี้ หรือดู "สันดาน" เอาไว้รู้ไว้ใช่ว่า เพราะเราก็โง่มาเหมือนกัน
แต่ไหนๆช่วงนี้ก็เครียดติดๆกัน ก็เลยเอาซะหน่อย มีอะไรก็เอาให้หมดๆไปซะ จะได้ไม่ต้องมีติดค้างอะไรอีก แล้วจะได้เริ่มศักราชบล๊อกไร้สาระอีกสักที
...ยาวนรกอีกแล้ว...แต่ไม่แน่ คุณอาจจะรู้จักคนๆนี้ มีคนรู้จักที่เหมือนคนๆนี้ หรือดู "สันดาน" เอาไว้รู้ไว้ใช่ว่า เพราะเราก็โง่มาเหมือนกัน
ขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า
กรณีนี้ เราคิดว่าสิ่งที่เราผิดมีเพียงประการเดียว คือ
"การที่เอาเรื่องที่เกิดความไม่เข้าใจกันลงบล๊อกไปในครั้งแรก ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดี เพราะคิดว่าเราประจานและด่าเขาลับหลัง"(แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "พูดลับหลัง" แม้แต่น้อยเลย
เพราะเราเขียนข้อความในที่ที่รู้ว่าเขามาอ่าน ส่วนเขาเอาเรื่องเราไปคุยกับเพื่อน แล้วส่งเพื่อนมาด่า แบบไหนคือลับหลังกันแน่นะ?)
แล้วหลังจากนั้น เราก็ "โดน" ไปหลายเรื่องมาก
เพราะงั้นเอนทรี่นี้
1. พูดเรื่องที่เราเป็นฝ่าย "ถูกกระทำ" ทางจิตใจ ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเป็นเมืองนอกล่ะก็ ฟ้องร้องกันไปเรียบร้อย เรียกค่าเสียหายได้เลย
2. แสดงให้เขาที่คบกันมาครึ่งปีแต่กลับไม่รู้ว่าภาษา "ด่า" ของเราเป็นแบบไหน ให้ได้รู้กัน เพราะเอนทรี่ก่อนๆที่เราพูดจาดีๆ เขาหาว่าเรา "ด่า" เขา เพราะงั้นเอนทรี่นี้ได้รู้จริงแน่ แม้ว่าเราจะตั้งใจให้เอนทรี่นี้ไม่หยาบคาย
กรณีนี้ เราคิดว่าสิ่งที่เราผิดมีเพียงประการเดียว คือ
"การที่เอาเรื่องที่เกิดความไม่เข้าใจกันลงบล๊อกไปในครั้งแรก ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดี เพราะคิดว่าเราประจานและด่าเขาลับหลัง"(แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "พูดลับหลัง" แม้แต่น้อยเลย
เพราะเราเขียนข้อความในที่ที่รู้ว่าเขามาอ่าน ส่วนเขาเอาเรื่องเราไปคุยกับเพื่อน แล้วส่งเพื่อนมาด่า แบบไหนคือลับหลังกันแน่นะ?)
แล้วหลังจากนั้น เราก็ "โดน" ไปหลายเรื่องมาก
เพราะงั้นเอนทรี่นี้
1. พูดเรื่องที่เราเป็นฝ่าย "ถูกกระทำ" ทางจิตใจ ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเป็นเมืองนอกล่ะก็ ฟ้องร้องกันไปเรียบร้อย เรียกค่าเสียหายได้เลย
2. แสดงให้เขาที่คบกันมาครึ่งปีแต่กลับไม่รู้ว่าภาษา "ด่า" ของเราเป็นแบบไหน ให้ได้รู้กัน เพราะเอนทรี่ก่อนๆที่เราพูดจาดีๆ เขาหาว่าเรา "ด่า" เขา เพราะงั้นเอนทรี่นี้ได้รู้จริงแน่ แม้ว่าเราจะตั้งใจให้เอนทรี่นี้ไม่หยาบคาย
ส่วนใครที่จะคอมเมนต์อะไรขอความกรุณาดังนี้
1. ผู้ไม่รู้เห็นเรื่อง อยากจะคอมเมนต์อะไรก็ได้ตามแต่คุณ เพราะคุณไม่รู้เรื่องราวความเป็นมาอยู่แล้วหนิ? ดีออก เราจะได้รู้ด้วยว่าคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รู้สึกอย่างไรกับคนแบบนี้ และพรรคพวกแบบนี้
2. คนที่รู้เรื่อง (ซึ่งก็มีไม่กี่คนนี่หว่า) ขอความร่วมมืองดเว้นการลงชื่อคนที่เกี่ยวข้องในเรื่อง แบบว่าถึงเราจะเหนื่อยหน่าย แต่ก็ไม่ชอบระบุชื่อคนในเรื่องฉาวโฉ่อยู่ดี
3. อาจจะมีมาก็ได้ พวกที่ "รู้เรื่อง แต่แกล้งทำตัวเป็นคนไม่รุ้เรื่อง ถอด Login เข้ามาทำเป็นพูดดี แต่หลอกด่า" เราขอบอกว่า ถ้าคุณไม่แสดงตัว ก็อย่าหวังว่าเราจะคุยด้วย อยากพล่ามไรพล่ามไปเถอะ คุณคนขี้ขลาด
1. ผู้ไม่รู้เห็นเรื่อง อยากจะคอมเมนต์อะไรก็ได้ตามแต่คุณ เพราะคุณไม่รู้เรื่องราวความเป็นมาอยู่แล้วหนิ? ดีออก เราจะได้รู้ด้วยว่าคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่รู้สึกอย่างไรกับคนแบบนี้ และพรรคพวกแบบนี้
2. คนที่รู้เรื่อง (ซึ่งก็มีไม่กี่คนนี่หว่า) ขอความร่วมมืองดเว้นการลงชื่อคนที่เกี่ยวข้องในเรื่อง แบบว่าถึงเราจะเหนื่อยหน่าย แต่ก็ไม่ชอบระบุชื่อคนในเรื่องฉาวโฉ่อยู่ดี
3. อาจจะมีมาก็ได้ พวกที่ "รู้เรื่อง แต่แกล้งทำตัวเป็นคนไม่รุ้เรื่อง ถอด Login เข้ามาทำเป็นพูดดี แต่หลอกด่า" เราขอบอกว่า ถ้าคุณไม่แสดงตัว ก็อย่าหวังว่าเราจะคุยด้วย อยากพล่ามไรพล่ามไปเถอะ คุณคนขี้ขลาด
เข้าเรื่องดีกว่า...
"อดีต" เพื่อนคนนี้เนี่ยนะ ถ้าจะให้กล่าวโดยสรุปๆอย่างที่เราพิจารณามาราวเดือนนึง เราสรุปได้เลยว่า เขาเป็นคนที่
"ขาดความรับผิดชอบ" และ "รักสนุก"
"ขาดความรับผิดชอบ" และ "รักสนุก"
ในส่วนของความรับผิดชอบนั้น ก็ง่ายๆ เขาไม่เคยรู้ถึง "น้ำหนัก" ของคำพูดของตัวเอง
สักแต่ว่าพูดไปวันๆ ว่างั้นเถอะ
ถามว่าคนที่สามารถชวนเพื่อนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ไม่ดูแลปล่อยให้เพื่อนอยู่คนเดียวเนี่ย
เขาจะรู้บ้างไหมนะว่า "คำพูด" ที่เขาชวนเพื่อนมาเที่ยวด้วยนั้น มันมี "น้ำหนัก" มากขนาดไหน
คำชวนไปเที่ยวคำเดียวนั้น มีความหมายไปถึงการดูแล เอาใจใส่ รักษาความปลอดภัย บลาๆ มากมาย
แต่คำชวนของคนๆนี้มีน้ำหนักแค่ "ก็ชวนอ่ะ"
แถมเขายังไม่ยอมรับอีกว่าเอาเราไปแล้วไม่ดูแล
วันนึงคุยกันราวๆสิบกว่าครั้ง ครั้งละไม่เกิน 3 ประโยค ในเวลา 3 วัน
คุณๆคิดว่ามันมากรึเปล่าล่ะ?
ตีให้เลย 3 ประโยคให้มากสุดๆ 3 นาที (จริงๆคงไม่มีใครพูดยาวงี้)
แถมให้สุดๆเลย เวลาส่วนตัว+เวลานอน 10 ชม.
60 x 14 = 840 นาที
คิดเป็นเปอร์เซนต์ก็ (3/840) x 100 = 0.35721428...
0.3 เปอร์เซนต์ ในหนึ่งวัน...
โหหหห เวลาที่เขาให้เรานี่เยอะสุดๆเลยเนอะ~!!
กิจกรรมง่ายสุดแสนง่ายที่ก่อนไปเขาพูดว่า "ไปเล่นกันนะ" ที่มีอุปกรณ์แค่กระดาษ ปากกา เวลาสั้นๆ และสมอง ก็ไม่เคยได้ถูกหยิบออกมาแม้แต่วินาที
แหม๊ พูดง่ายๆก็คือ สิ่งที่เขาพูดชวนออกมาเนี่ย ไม่ได้เกิดขึ้นจริงเลย
มีความรับผิดชอบกับที่ตัวเองพูดสุดๆ~!!
แถมถ้าระลึกชาติดีๆ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก กับการ "ชวนแล้วปล่อยเกาะ" เนี่ย
ตอนนั้นก็มีเกมออนไลน์เกมหนึ่งที่จู่ๆเขาก็ชวนเราไปเล่น
เราที่ไม่เคยแตะเกมออนไลน์มาก่อนในชีวิต ก็ไปเล่นเพราะเขาชวน
สรุปว่า เราเคยเจอกันในเกมครั้งหนึ่ง แล้วเขาก็เลิกเล่นเกมไปเสียดื้อๆ
โชคยังดีที่เรามีเพื่อนคนอื่นเล่นเกมนี้ด้วย ก็เลยยังเล่นมาได้เรื่อยๆ
แถมเรื่องเกมก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่ เราก็เลยไม่สน และก็ไม่เคยตื้อให้เขามาเล่นต่อด้วย
แต่มันก็แสดงให้เห็นแหละว่า เขาไม่เคยมีความรับผิดชอบกับ "สิ่งที่ตัวเองพูดต่อผู้อื่น" เลย ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่
(ตรงนี้มีจำเลยอีกคนนี่นา หึหึ - -+ ไม่เป็นไรน้องเอ๋ย พี่ไม่คิดโกรธน้องหรอก บอกแล้วว่าจริงๆมันเป็นเรื่องเล็กจะตาย ถ้าไม่ใช่ว่ารายนี้ทำเหตุการณ์แสดงความไร้ความรับผิดชอบซะจนเป็นอาชีพล่ะนะ)
สักแต่ว่าพูดไปวันๆ ว่างั้นเถอะ
ถามว่าคนที่สามารถชวนเพื่อนไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ไม่ดูแลปล่อยให้เพื่อนอยู่คนเดียวเนี่ย
เขาจะรู้บ้างไหมนะว่า "คำพูด" ที่เขาชวนเพื่อนมาเที่ยวด้วยนั้น มันมี "น้ำหนัก" มากขนาดไหน
คำชวนไปเที่ยวคำเดียวนั้น มีความหมายไปถึงการดูแล เอาใจใส่ รักษาความปลอดภัย บลาๆ มากมาย
แต่คำชวนของคนๆนี้มีน้ำหนักแค่ "ก็ชวนอ่ะ"
แถมเขายังไม่ยอมรับอีกว่าเอาเราไปแล้วไม่ดูแล
วันนึงคุยกันราวๆสิบกว่าครั้ง ครั้งละไม่เกิน 3 ประโยค ในเวลา 3 วัน
คุณๆคิดว่ามันมากรึเปล่าล่ะ?
ตีให้เลย 3 ประโยคให้มากสุดๆ 3 นาที (จริงๆคงไม่มีใครพูดยาวงี้)
แถมให้สุดๆเลย เวลาส่วนตัว+เวลานอน 10 ชม.
60 x 14 = 840 นาที
คิดเป็นเปอร์เซนต์ก็ (3/840) x 100 = 0.35721428...
0.3 เปอร์เซนต์ ในหนึ่งวัน...
โหหหห เวลาที่เขาให้เรานี่เยอะสุดๆเลยเนอะ~!!
กิจกรรมง่ายสุดแสนง่ายที่ก่อนไปเขาพูดว่า "ไปเล่นกันนะ" ที่มีอุปกรณ์แค่กระดาษ ปากกา เวลาสั้นๆ และสมอง ก็ไม่เคยได้ถูกหยิบออกมาแม้แต่วินาที
แหม๊ พูดง่ายๆก็คือ สิ่งที่เขาพูดชวนออกมาเนี่ย ไม่ได้เกิดขึ้นจริงเลย
มีความรับผิดชอบกับที่ตัวเองพูดสุดๆ~!!
แถมถ้าระลึกชาติดีๆ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก กับการ "ชวนแล้วปล่อยเกาะ" เนี่ย
ตอนนั้นก็มีเกมออนไลน์เกมหนึ่งที่จู่ๆเขาก็ชวนเราไปเล่น
เราที่ไม่เคยแตะเกมออนไลน์มาก่อนในชีวิต ก็ไปเล่นเพราะเขาชวน
สรุปว่า เราเคยเจอกันในเกมครั้งหนึ่ง แล้วเขาก็เลิกเล่นเกมไปเสียดื้อๆ
โชคยังดีที่เรามีเพื่อนคนอื่นเล่นเกมนี้ด้วย ก็เลยยังเล่นมาได้เรื่อยๆ
แถมเรื่องเกมก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่ เราก็เลยไม่สน และก็ไม่เคยตื้อให้เขามาเล่นต่อด้วย
แต่มันก็แสดงให้เห็นแหละว่า เขาไม่เคยมีความรับผิดชอบกับ "สิ่งที่ตัวเองพูดต่อผู้อื่น" เลย ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่
(ตรงนี้มีจำเลยอีกคนนี่นา หึหึ - -+ ไม่เป็นไรน้องเอ๋ย พี่ไม่คิดโกรธน้องหรอก บอกแล้วว่าจริงๆมันเป็นเรื่องเล็กจะตาย ถ้าไม่ใช่ว่ารายนี้ทำเหตุการณ์แสดงความไร้ความรับผิดชอบซะจนเป็นอาชีพล่ะนะ)
นอกจากนั้นยังมีเรื่อง "ไร้ความรับผิดชอบ" ต่อผู้อื่นอีกเรื่องที่
แหม๊ แหม เข้ากะประเทศเราตอนนี้จริงๆ
"กฏหมู่" และ "ศาลเตี้ย"
เขาใช้พรรคพวกของตัวเอง และใช้กฏของพวกตัวเองในการตัดสินเรา
ทั้งๆที่ ตอนแรกและจนถึงตอนนี้ เราพยายามใช้กฏเกณฑ์ของสังคมในการอ้าง
แต่ท้ายที่สุด เราก็โดนแค่เนี้ย "กฏหมู่" และ "ศาลเตี้ย"
คนมีพวกก็คือคนมีอำนาจ งั้นสินะ?
เขาใช้คนกลาง (โอ๊ะ แต่ตอนคุยกะเราบอกว่าไม่ได้ใช้นะ แม้ว่าตอนคุยกะเพื่อนเราจะบอกว่าใช้ก็เหอะ) ที่เป็นพรรคพวกของตัวเอง
ถามว่าคนกลางที่ให้เลือกใช้ ที่เป็นคนกลางระหว่างเราสองคน เป็นเพื่อนเราสองคนจริงๆ มีมั้ย
คำตอบคือ มี และพวกเขาก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือและอยากให้เราสมานสัมพันธ์ด้วย
แต่เขาเลือกใช้คนที่ เป็น "พรรคพวก" ของเขา
และที่เราสัมผัสได้จากสิ่งที่เราถูกกระทำก็คือ คนกลางที่เขาหามาช่วยส่วนหนึ่ง (ขอใช้คำที่ไม่ใช่การเหมารวม เพราะคิดว่าไม่ใช่ทุกคน...มั้ง?) "ไม่ได้ต้องการให้เราคืนดีกัน"
เพราะเราถูก "ทำร้ายทางจิตใจ" ด้วย "วาจา" ตลอด
โดยไอ้สิ่งมีชีวิตตัวกลางนั้นใช้ทั้งวิธี "หลอกให้เชื่อใจแล้วก็เล่นงานลับหลัง"
ด้วยการเข้ามาพูดดี ทำเหมือนว่าเรื่องราวจบ จะเป็นตัวกลางให้ แต่แล้วก็ไม่เคยทำอะไร แล้วพอถึงจุดๆก็มาด่าเราฉอดๆ โดยอ้างว่าเป็นคำพูดมาจากเขาคนนั้น ซึ่งเราก็ไม่อาจทราบได้หรอกว่ามันมาจากเขาคนนั้นจริงรึเปล่า เพราะตัวเขาคนนั้นเองก็พูดจากลับไปกลับมาในครั้งที่ได้คุยกันเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็คอยพูดเรื่องต่างที่ทำให้ไม่อาจเดาได้ว่าตกลง "มันโกหกอยู่" หรือ "มันพูดจริง"
แถมยังมีการมาด่าเราอีกว่า "น่ารำคาญ" โดยที่ตอนนั้น ถ้าอิงจากคำพูดของเขาคนนั้น (ซึ่งไม่รู้อีกว่าจริงรึเปล่า) ไอ้ตัวกลางก็พูดคำนี้ด้วยตัวเอง ไม่ได้ผ่านเขามาก่อน
แล้วก็ใช้วิธี "กดดัน" ทางจิตวิทยา
แหม๊ ไม่อยากจะเล่า ประโยคเด็ดสุดของไอ้สิ่งมีชีวิตตัวกลางก็คือ
"คุณยังคิดว่าเขาเห็นคุณเป็นเพื่อนอีกเหรอ"
"ผมเป็นแฟนกับเค้าแล้วนะ"
"คิดเหรอว่าเขาจะพูดความจริงกับคุณ"
แถมยังมีประโยคที่เราได้รับความเห็นจากคนอื่นว่า น่าจะเป็นเหตุที่ไอ้ตัวกลางนี่เล่นไม่ซื่อ คือ
"ตอนแรกอ่ะ เค้าสนิทกับคุณมากกว่าเราอีกนะ"
เพื่อนเราคนนึงให้ความเห็นว่า บางทีการกระทำแบบหน้าไหว้หลังเอามีดเสียบของตัวกลางนี่อาจจะมาจาก "ความกลัวเสียเพื่อน" แบบโง่ๆ ก็เป็นไปได้
ไม่รู้สิ แต่เราก็คิดว่า ถึงขั้นมีอ้างว่าเป็นแฟน (ซึ่งไม่รู้ว่าจริงรึเปล่าอีกแล้ว) มันน่าจะเกินคำว่ากลัวเสียเพื่อนล่ะม้าง? แต่คงเป็นขั้นอื่นมากกว่า
แต่พูดเรื่องแฟน คนอ่านบางคนก็คงจะรู้สึกได้แล้วว่า
อ้าว อีนี่เป็นผู้ชายหน้าตัวเมีย มาพูดจารังแกกดดันได้กระทั่งผู้หญิง
ก็ใช่น่ะแหละค่ะ
ความเป็นเพื่อนมันมีอำนาจสูงสุดจริงๆ
พวกเขาถึงได้รวมพลังกันสร้างศาลเตี้ยสำเร็จโทษทางจิตเราได้ถึงขั้นเกือบต้องไปโรงพยาบาล
(จริงๆควรจะไป แต่ไม่ได้ไปต่างหาก - -...)
แล้วถามว่าพอเขาคนนั้นรู้ถึงเรื่องที่ตัวกลางที่ตัวเองหามาทำไว้ เขาก็พูดแค่ว่า
"อ๋อเหรอ"
แถมมี
"เราสนิทกับเค้า เรารู้ว่าเค้านิสัยแบบนี้แหละ"
แล้วเราควรจะรู้ ยอมรับความเป็นธรรมชาติแสนทรามและโดนด่าโดยดุษฏียภาพสินะ?
มันช่างไร้ความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
ไอ้ตัวกลางเขาก็เป็นคนหามา
แถมมันก็มาด่าเรา ทำร้ายเราในนามของเขา
แต่เขาตอบแค่เนี้ย?
เขามีความรับผิดชอบต่อไอ้สิ่งทุเรศๆที่เพื่อนเขาทำไว้บ้างมั้ยนะ?
ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่เขาทำ แต่มันก็เป็นคนของเขา มากระทำกับเรา เขาก็ควรจะร่วมรับผิดชอบด้วยไม่มากก็น้อย
ถ้าถามเรา เราทะเลาะกะ คุณ ก. แล้วคุณ ข. เป็นเพื่อนเรา
เราไม่มีทางยอมให้คุณ ข. ไปด่า คุณ ก. เฉยๆหรอกน่ะ
มันทุเรศ
แล้วยิ่งกว่านั้น คุณ ก. กับ คุณ ข. ไม่ใช่เพื่อนกันด้วย
มันสมควรมากเลยนะ ที่ให้เพื่อนตัวเองไปเที่ยวด่าคนอื่น แล้วตัวเองนอนสบายอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
เยี่ยมค่ะคุณ!
ที่ยิ่งไปกว่านั้น เขาอ้างว่า ตัวกลางของเขาเห็นว่าเราเป็นเพื่อน
สำหรับเรา 3 วันที่เป็นหมาหัวเน่า ไม่อาจเห็นใครเป็นเพื่อนได้จริงๆ
คำว่า "เพื่อน" ของเรามัน "หนัก" กว่านั้นเยอะมากมาย
(ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วว่าเวลา "ครึ่งปี" ที่คนๆนึงมาทำดีกับเรา มันก็คงไม่อาจยืนยันได้ว่าคนๆนั้นจะดีกับเราจริงๆ)
แถมคนในนั้นยังเป็นคนที่ "รู้ว่าใน 3 วัน เราไม่สบายใจจนต้องโทรไปร้องไห้กับเพื่อน" แต่สิ่งที่คนนั้นและตัวเขาเองด้วยทำคือ "เก็บมันมาเป็นมุกตลก"
คนแบบนี้ให้เราเรียกว่าเพื่อนเหรอ?
แล้วคนแบบนี้จะคิดว่าเราเป็นเพื่อนจริงๆเหรอ?
ขออ้วกแรงๆไม่แพ้ตอนดูคดียุบพรรคหน่อยเหอะ
แต่ก็ไม่แน่นะ บางทีมิตรภาพของพวกนั้นอาจจะเป็นการ "ด่า ทับถม ประนามหยามเหยียด" กันก็ได้
เพราะ 3 วันที่เราไปมา ก็คุยกันแต่เรื่องนินทาคนอื่นนี่
ถ้าไม่นินทาคนอื่นก็พูดแต่เรื่องเซ็กส์
(สาบานเถอะว่าพวกนี้คุยกันเรื่องพวกนี้ต่อหน้าผู้หญิงที่ตัวเองเจอกันเป็นครั้งที่สอง และตอนเจอกันครั้งแรกก็แทบไม่ได้คุยกัน)
สรุปว่า ในประเด็นนี้เขาไม่รับผิดชอบกับกฏหมู่และศาลเตี้ยที่คนกลางที่ตัวเองหามาทำกับเรา แม้แต่นิดเดียว
และยังปกป้องอีกต่างหาก
เอาเถอะ พวกเขาก็คบกันมานาน มันจะ "เห็นแก่พวกเดียวกัน" ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ก็ขอให้เจ๊เป็นดาวค้างฟ้าท่ามกลางผู้ชายที่จ้องตัวเอง ผู้ชายที่อ้างว่าตัวเองเป็นแฟน และผู้ชายที่จะเอาเพื่อนตัวเองไปจิ้นช่วยตัวเองต่อไปละกันนะ
ตามสะดวกคุณเถอะ
(สาบานเถอะ ว่าเขาเคยแสดงตัวว่าเป็นเฟมินิสต์
ยอมรับเถอะว่า การเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มผู้ชายมันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขา
เขาอาจหลงคิดว่า นั่นคือ เฟมินิสต์ ความเท่าเทียมทางเพศ
แต่จริงๆแล้วมันก็คงเป็นแค่ เขาอยากเป็นราชินีที่มีคนเอาใจ เหมือนอย่างที่ตัวละครแต่ละตัวที่เขาชอบ ล้วนแต่เป็นพวกเอาใจผู้หญิงทั้งน้าน มันส่อสันดานออกมาให้เห็น
สำหรับเราแล้ว เรามองว่ามันไม่ใช่เฟมินิสต์หรอก เพราะเขายอมให้เพื่อนตัวเองพูดจาย่ำยีผู้หญิงคนอื่นได้ มันก็เป็นแค่อาการ ฮิสทีเรีย ซะมากกว่า
และในสายตาของคนอื่นๆน่ะ เขามองแย่กว่าเราอีกด้วยซ้ำ... ไม่อยากจะพูดเล้ย...)
แหม๊ แหม เข้ากะประเทศเราตอนนี้จริงๆ
"กฏหมู่" และ "ศาลเตี้ย"
เขาใช้พรรคพวกของตัวเอง และใช้กฏของพวกตัวเองในการตัดสินเรา
ทั้งๆที่ ตอนแรกและจนถึงตอนนี้ เราพยายามใช้กฏเกณฑ์ของสังคมในการอ้าง
แต่ท้ายที่สุด เราก็โดนแค่เนี้ย "กฏหมู่" และ "ศาลเตี้ย"
คนมีพวกก็คือคนมีอำนาจ งั้นสินะ?
เขาใช้คนกลาง (โอ๊ะ แต่ตอนคุยกะเราบอกว่าไม่ได้ใช้นะ แม้ว่าตอนคุยกะเพื่อนเราจะบอกว่าใช้ก็เหอะ) ที่เป็นพรรคพวกของตัวเอง
ถามว่าคนกลางที่ให้เลือกใช้ ที่เป็นคนกลางระหว่างเราสองคน เป็นเพื่อนเราสองคนจริงๆ มีมั้ย
คำตอบคือ มี และพวกเขาก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือและอยากให้เราสมานสัมพันธ์ด้วย
แต่เขาเลือกใช้คนที่ เป็น "พรรคพวก" ของเขา
และที่เราสัมผัสได้จากสิ่งที่เราถูกกระทำก็คือ คนกลางที่เขาหามาช่วยส่วนหนึ่ง (ขอใช้คำที่ไม่ใช่การเหมารวม เพราะคิดว่าไม่ใช่ทุกคน...มั้ง?) "ไม่ได้ต้องการให้เราคืนดีกัน"
เพราะเราถูก "ทำร้ายทางจิตใจ" ด้วย "วาจา" ตลอด
โดยไอ้สิ่งมีชีวิตตัวกลางนั้นใช้ทั้งวิธี "หลอกให้เชื่อใจแล้วก็เล่นงานลับหลัง"
ด้วยการเข้ามาพูดดี ทำเหมือนว่าเรื่องราวจบ จะเป็นตัวกลางให้ แต่แล้วก็ไม่เคยทำอะไร แล้วพอถึงจุดๆก็มาด่าเราฉอดๆ โดยอ้างว่าเป็นคำพูดมาจากเขาคนนั้น ซึ่งเราก็ไม่อาจทราบได้หรอกว่ามันมาจากเขาคนนั้นจริงรึเปล่า เพราะตัวเขาคนนั้นเองก็พูดจากลับไปกลับมาในครั้งที่ได้คุยกันเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็คอยพูดเรื่องต่างที่ทำให้ไม่อาจเดาได้ว่าตกลง "มันโกหกอยู่" หรือ "มันพูดจริง"
แถมยังมีการมาด่าเราอีกว่า "น่ารำคาญ" โดยที่ตอนนั้น ถ้าอิงจากคำพูดของเขาคนนั้น (ซึ่งไม่รู้อีกว่าจริงรึเปล่า) ไอ้ตัวกลางก็พูดคำนี้ด้วยตัวเอง ไม่ได้ผ่านเขามาก่อน
แล้วก็ใช้วิธี "กดดัน" ทางจิตวิทยา
แหม๊ ไม่อยากจะเล่า ประโยคเด็ดสุดของไอ้สิ่งมีชีวิตตัวกลางก็คือ
"คุณยังคิดว่าเขาเห็นคุณเป็นเพื่อนอีกเหรอ"
"ผมเป็นแฟนกับเค้าแล้วนะ"
"คิดเหรอว่าเขาจะพูดความจริงกับคุณ"
แถมยังมีประโยคที่เราได้รับความเห็นจากคนอื่นว่า น่าจะเป็นเหตุที่ไอ้ตัวกลางนี่เล่นไม่ซื่อ คือ
"ตอนแรกอ่ะ เค้าสนิทกับคุณมากกว่าเราอีกนะ"
เพื่อนเราคนนึงให้ความเห็นว่า บางทีการกระทำแบบหน้าไหว้หลังเอามีดเสียบของตัวกลางนี่อาจจะมาจาก "ความกลัวเสียเพื่อน" แบบโง่ๆ ก็เป็นไปได้
ไม่รู้สิ แต่เราก็คิดว่า ถึงขั้นมีอ้างว่าเป็นแฟน (ซึ่งไม่รู้ว่าจริงรึเปล่าอีกแล้ว) มันน่าจะเกินคำว่ากลัวเสียเพื่อนล่ะม้าง? แต่คงเป็นขั้นอื่นมากกว่า
แต่พูดเรื่องแฟน คนอ่านบางคนก็คงจะรู้สึกได้แล้วว่า
อ้าว อีนี่เป็นผู้ชายหน้าตัวเมีย มาพูดจารังแกกดดันได้กระทั่งผู้หญิง
ก็ใช่น่ะแหละค่ะ
ความเป็นเพื่อนมันมีอำนาจสูงสุดจริงๆ
พวกเขาถึงได้รวมพลังกันสร้างศาลเตี้ยสำเร็จโทษทางจิตเราได้ถึงขั้นเกือบต้องไปโรงพยาบาล
(จริงๆควรจะไป แต่ไม่ได้ไปต่างหาก - -...)
แล้วถามว่าพอเขาคนนั้นรู้ถึงเรื่องที่ตัวกลางที่ตัวเองหามาทำไว้ เขาก็พูดแค่ว่า
"อ๋อเหรอ"
แถมมี
"เราสนิทกับเค้า เรารู้ว่าเค้านิสัยแบบนี้แหละ"
แล้วเราควรจะรู้ ยอมรับความเป็นธรรมชาติแสนทรามและโดนด่าโดยดุษฏียภาพสินะ?
มันช่างไร้ความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
ไอ้ตัวกลางเขาก็เป็นคนหามา
แถมมันก็มาด่าเรา ทำร้ายเราในนามของเขา
แต่เขาตอบแค่เนี้ย?
เขามีความรับผิดชอบต่อไอ้สิ่งทุเรศๆที่เพื่อนเขาทำไว้บ้างมั้ยนะ?
ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่เขาทำ แต่มันก็เป็นคนของเขา มากระทำกับเรา เขาก็ควรจะร่วมรับผิดชอบด้วยไม่มากก็น้อย
ถ้าถามเรา เราทะเลาะกะ คุณ ก. แล้วคุณ ข. เป็นเพื่อนเรา
เราไม่มีทางยอมให้คุณ ข. ไปด่า คุณ ก. เฉยๆหรอกน่ะ
มันทุเรศ
แล้วยิ่งกว่านั้น คุณ ก. กับ คุณ ข. ไม่ใช่เพื่อนกันด้วย
มันสมควรมากเลยนะ ที่ให้เพื่อนตัวเองไปเที่ยวด่าคนอื่น แล้วตัวเองนอนสบายอยู่เฉยๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
เยี่ยมค่ะคุณ!
ที่ยิ่งไปกว่านั้น เขาอ้างว่า ตัวกลางของเขาเห็นว่าเราเป็นเพื่อน
สำหรับเรา 3 วันที่เป็นหมาหัวเน่า ไม่อาจเห็นใครเป็นเพื่อนได้จริงๆ
คำว่า "เพื่อน" ของเรามัน "หนัก" กว่านั้นเยอะมากมาย
(ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วว่าเวลา "ครึ่งปี" ที่คนๆนึงมาทำดีกับเรา มันก็คงไม่อาจยืนยันได้ว่าคนๆนั้นจะดีกับเราจริงๆ)
แถมคนในนั้นยังเป็นคนที่ "รู้ว่าใน 3 วัน เราไม่สบายใจจนต้องโทรไปร้องไห้กับเพื่อน" แต่สิ่งที่คนนั้นและตัวเขาเองด้วยทำคือ "เก็บมันมาเป็นมุกตลก"
คนแบบนี้ให้เราเรียกว่าเพื่อนเหรอ?
แล้วคนแบบนี้จะคิดว่าเราเป็นเพื่อนจริงๆเหรอ?
ขออ้วกแรงๆไม่แพ้ตอนดูคดียุบพรรคหน่อยเหอะ
แต่ก็ไม่แน่นะ บางทีมิตรภาพของพวกนั้นอาจจะเป็นการ "ด่า ทับถม ประนามหยามเหยียด" กันก็ได้
เพราะ 3 วันที่เราไปมา ก็คุยกันแต่เรื่องนินทาคนอื่นนี่
ถ้าไม่นินทาคนอื่นก็พูดแต่เรื่องเซ็กส์
(สาบานเถอะว่าพวกนี้คุยกันเรื่องพวกนี้ต่อหน้าผู้หญิงที่ตัวเองเจอกันเป็นครั้งที่สอง และตอนเจอกันครั้งแรกก็แทบไม่ได้คุยกัน)
สรุปว่า ในประเด็นนี้เขาไม่รับผิดชอบกับกฏหมู่และศาลเตี้ยที่คนกลางที่ตัวเองหามาทำกับเรา แม้แต่นิดเดียว
และยังปกป้องอีกต่างหาก
เอาเถอะ พวกเขาก็คบกันมานาน มันจะ "เห็นแก่พวกเดียวกัน" ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ก็ขอให้เจ๊เป็นดาวค้างฟ้าท่ามกลางผู้ชายที่จ้องตัวเอง ผู้ชายที่อ้างว่าตัวเองเป็นแฟน และผู้ชายที่จะเอาเพื่อนตัวเองไปจิ้นช่วยตัวเองต่อไปละกันนะ
ตามสะดวกคุณเถอะ
(สาบานเถอะ ว่าเขาเคยแสดงตัวว่าเป็นเฟมินิสต์
ยอมรับเถอะว่า การเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มผู้ชายมันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขา
เขาอาจหลงคิดว่า นั่นคือ เฟมินิสต์ ความเท่าเทียมทางเพศ
แต่จริงๆแล้วมันก็คงเป็นแค่ เขาอยากเป็นราชินีที่มีคนเอาใจ เหมือนอย่างที่ตัวละครแต่ละตัวที่เขาชอบ ล้วนแต่เป็นพวกเอาใจผู้หญิงทั้งน้าน มันส่อสันดานออกมาให้เห็น
สำหรับเราแล้ว เรามองว่ามันไม่ใช่เฟมินิสต์หรอก เพราะเขายอมให้เพื่อนตัวเองพูดจาย่ำยีผู้หญิงคนอื่นได้ มันก็เป็นแค่อาการ ฮิสทีเรีย ซะมากกว่า
และในสายตาของคนอื่นๆน่ะ เขามองแย่กว่าเราอีกด้วยซ้ำ... ไม่อยากจะพูดเล้ย...)
ความไร้ความรับผิดชอบอีกเรื่องก็คือ
เขาคนเนี้ยยยยแหละ
เป็นคนเปลี่ยนพาสเวิร์ดเมล์กลุ่ม ทำให้คนอื่นเข้าไม่ได้
แล้วพอเราส่งคนกลางไปถาม เขาก็ตอบว่า "เพื่อความปลอดภัย"
พอเพื่อนเราลากไปคุย ก็โต้เถียงกันไปมา โดยที่เขาไม่ยอมบอกพาสเวิร์ดใหม่
หลังจากนั้นที่เขาออกไปแต่ทิ้งสถานนะ MSN ไว้เป็นไม่อยู่ แถมส่งลูกสมุนจากในกลุ่มมาไว้อีกหนึ่งตัว
แน่นอนว่า เราคุย เราก็ทิ้งความเกรงใจไปเยอะแล้ว
พูดไม่ได้ต่างจากเนื้อหาพวกนี้หรอก แต่ภาษาอาจจะดีกว่านี้หน่อย
สิ่งที่ได้ตามมาก็คือ
หลังจากนั้นเขาเปลี่ยนพาสเวิร์ดบล๊อกกลุ่ม แล้วประกาศปิดบล๊อกไปเลย
ถามว่า เขามีความรับผิดชอบต่อบล๊อกกลุ่มที่ช่วยกันทำมั้ย?
คำตอบคือ แบบนี้เรียกว่ามีกะผีเหอะ
ตอนแรกเรื่องมันเริ่มที่เราไม่พอใจกับการโดนชวนไปเขวี้ยงทิ้ง
ถ้าเราจะทำลาย "กลุ่ม" ซะ เราก็ลงมือได้เลย
ถามว่าเราทำมั้ย?
จะบ้าเรอะ ของที่ "คนหลายๆคนร่วมกันสร้างมา" เราจะมีสิทธิอะไรไปทำลาย
เราก็ยังแว่บไปอัพบล๊อกกลุ่มได้ อย่างที่หลายๆคนเห็น
เพราะเราถือว่า นั่นคือ "ความรับผิดชอบ" ต่อ งานที่ตัวเองเป็นคนยอมรับเองว่าจะ "ทำ"
เพราะงั้นไม่ว่ามีอะไร เราก็จะไม่ทิ้ง
แต่เขาคนนั้น เขวี้ยงกระจาย
ช่างน่าประทับใจกับการกระทำ
"โกรธเพื่อนร่วมงาน เผาบริษัท" จริงๆ
(แอบด่านิด อีลูกสมุนนั่นก็เหมือนกัน ทำตัวเหมือนจะมาเป็นคนกลาง แต่ก็เอนไปทางด้านโน้นสุดๆ น่ารำคาญน่ะ
ทำตัวเหมือนรายการ หลุม ..ตื้ด.. ที่พยายามอ้างว่าเข้าใจคุณนะ เป็นพวกเดียวกันนะ
ทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย
แถมอะไรก็พูดน่ะ หัดรักษาซะหน่อยก็ดีนะ ไร้ความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูดเหมือนกันเล้ย พันธุ์เดียวกันจริงๆ
ถ้าได้มาอ่าน นึกออกรึยังว่าพูดอะไรไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วทำไม่ได้น่ะ?)
เขาคนเนี้ยยยยแหละ
เป็นคนเปลี่ยนพาสเวิร์ดเมล์กลุ่ม ทำให้คนอื่นเข้าไม่ได้
แล้วพอเราส่งคนกลางไปถาม เขาก็ตอบว่า "เพื่อความปลอดภัย"
พอเพื่อนเราลากไปคุย ก็โต้เถียงกันไปมา โดยที่เขาไม่ยอมบอกพาสเวิร์ดใหม่
หลังจากนั้นที่เขาออกไปแต่ทิ้งสถานนะ MSN ไว้เป็นไม่อยู่ แถมส่งลูกสมุนจากในกลุ่มมาไว้อีกหนึ่งตัว
แน่นอนว่า เราคุย เราก็ทิ้งความเกรงใจไปเยอะแล้ว
พูดไม่ได้ต่างจากเนื้อหาพวกนี้หรอก แต่ภาษาอาจจะดีกว่านี้หน่อย
สิ่งที่ได้ตามมาก็คือ
หลังจากนั้นเขาเปลี่ยนพาสเวิร์ดบล๊อกกลุ่ม แล้วประกาศปิดบล๊อกไปเลย
ถามว่า เขามีความรับผิดชอบต่อบล๊อกกลุ่มที่ช่วยกันทำมั้ย?
คำตอบคือ แบบนี้เรียกว่ามีกะผีเหอะ
ตอนแรกเรื่องมันเริ่มที่เราไม่พอใจกับการโดนชวนไปเขวี้ยงทิ้ง
ถ้าเราจะทำลาย "กลุ่ม" ซะ เราก็ลงมือได้เลย
ถามว่าเราทำมั้ย?
จะบ้าเรอะ ของที่ "คนหลายๆคนร่วมกันสร้างมา" เราจะมีสิทธิอะไรไปทำลาย
เราก็ยังแว่บไปอัพบล๊อกกลุ่มได้ อย่างที่หลายๆคนเห็น
เพราะเราถือว่า นั่นคือ "ความรับผิดชอบ" ต่อ งานที่ตัวเองเป็นคนยอมรับเองว่าจะ "ทำ"
เพราะงั้นไม่ว่ามีอะไร เราก็จะไม่ทิ้ง
แต่เขาคนนั้น เขวี้ยงกระจาย
ช่างน่าประทับใจกับการกระทำ
"โกรธเพื่อนร่วมงาน เผาบริษัท" จริงๆ
(แอบด่านิด อีลูกสมุนนั่นก็เหมือนกัน ทำตัวเหมือนจะมาเป็นคนกลาง แต่ก็เอนไปทางด้านโน้นสุดๆ น่ารำคาญน่ะ
ทำตัวเหมือนรายการ หลุม ..ตื้ด.. ที่พยายามอ้างว่าเข้าใจคุณนะ เป็นพวกเดียวกันนะ
ทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย
แถมอะไรก็พูดน่ะ หัดรักษาซะหน่อยก็ดีนะ ไร้ความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูดเหมือนกันเล้ย พันธุ์เดียวกันจริงๆ
ถ้าได้มาอ่าน นึกออกรึยังว่าพูดอะไรไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วทำไม่ได้น่ะ?)
อีกเรื่องนึงที่เอาเข้าคดีความได้ก็คือ
เฮ้ย 500 เมื่อไหร่จะจ่าย?
เงินแค่นี้จ่ายไม่ได้เรอะ
ไอ้ที่อ้างว่าทำงานยุ่งๆซะจนทำไม่ได้แม้แต่รับโทรศัพท์เราเพื่อแจ้งว่ายุ่ง ทั้งตอน สาย ตอนเย็น และตอนค่ำมืด น่ะ (แต่มีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน)
เงินมันหายไปไหนหมด?
หรือว่าไม่อยากจ่าย?
ทางนี้เพราะว่าไว้ใจหรอกนะ ถึงได้ให้ของไปก่อน
แต่กลับไม่ยอมจ่ายค่าส่ง แบบนี้แปลว่าอะไร?
500 นี่ลดราคาให้แล้วด้วย ยอมอ่อนให้ถึงขนาดนี้แล้ว
ก็ยังทำกันได้แบบนี้
ข้อนี้จะมีข้อแก้ตัวไหมนะ
เราก็รอมาสองเดือนแล้วเนี่ย
เจ้าตัวก็ถึงขั้นมาเที่ยวในกรุงเทพได้แล้วด้วยซ้ำ
จะแว่บมาโอนเงินในกรุงตอนมาเที่ยวเพื่อไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมก็ยังได้
แล้วบัญชีเราก็โบ๋เบ๋
เหอะๆ เป็นคนดีจริงๆนะ
ถ้าเราทำงานหาเงินเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว กะอีแค่ 500 ก็ปล่อยๆให้ก็ได้ คิดซะว่าเสียค่าโง่
แต่เผอิญว่า เงินเรา เราก็ยังเอาของคนอื่นมาใช้
เรื่องอะไรจะต้องยอมให้เงินที่คนที่เรารักหามา ปล่อยไปให้คนที่มันอยากจะฆ่าเราเอาไปใช้ง่ายๆล่ะ?
ตัวเขาเองก็ทำงานแล้ว น่าจะรู้คุณค่าของเงินนะ
ว่าเงินแค่ 500 ต้องมาโกงเขาเอาเนี่ย
มันเสียเกียรติ์ตัวเองบ้างมั้ย?
หรือว่าเขาไม่มี?
เฮ้ย 500 เมื่อไหร่จะจ่าย?
เงินแค่นี้จ่ายไม่ได้เรอะ
ไอ้ที่อ้างว่าทำงานยุ่งๆซะจนทำไม่ได้แม้แต่รับโทรศัพท์เราเพื่อแจ้งว่ายุ่ง ทั้งตอน สาย ตอนเย็น และตอนค่ำมืด น่ะ (แต่มีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน)
เงินมันหายไปไหนหมด?
หรือว่าไม่อยากจ่าย?
ทางนี้เพราะว่าไว้ใจหรอกนะ ถึงได้ให้ของไปก่อน
แต่กลับไม่ยอมจ่ายค่าส่ง แบบนี้แปลว่าอะไร?
500 นี่ลดราคาให้แล้วด้วย ยอมอ่อนให้ถึงขนาดนี้แล้ว
ก็ยังทำกันได้แบบนี้
ข้อนี้จะมีข้อแก้ตัวไหมนะ
เราก็รอมาสองเดือนแล้วเนี่ย
เจ้าตัวก็ถึงขั้นมาเที่ยวในกรุงเทพได้แล้วด้วยซ้ำ
จะแว่บมาโอนเงินในกรุงตอนมาเที่ยวเพื่อไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมก็ยังได้
แล้วบัญชีเราก็โบ๋เบ๋
เหอะๆ เป็นคนดีจริงๆนะ
ถ้าเราทำงานหาเงินเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว กะอีแค่ 500 ก็ปล่อยๆให้ก็ได้ คิดซะว่าเสียค่าโง่
แต่เผอิญว่า เงินเรา เราก็ยังเอาของคนอื่นมาใช้
เรื่องอะไรจะต้องยอมให้เงินที่คนที่เรารักหามา ปล่อยไปให้คนที่มันอยากจะฆ่าเราเอาไปใช้ง่ายๆล่ะ?
ตัวเขาเองก็ทำงานแล้ว น่าจะรู้คุณค่าของเงินนะ
ว่าเงินแค่ 500 ต้องมาโกงเขาเอาเนี่ย
มันเสียเกียรติ์ตัวเองบ้างมั้ย?
หรือว่าเขาไม่มี?
ส่วนเรื่อง "รักสนุก"
เราขอพูดง่ายๆเลย
เราแค่สรุปได้ว่า เขา เป็นคนประเภทที่คบเพื่อน "เพื่อความสนุก"
นั่นแปลว่า ทันทีที่ไม่สนุก เขาก็พร้อมจะชิ่งทันที
เหมือนอย่างเนี้ย
ก่อนหน้านี้ เขาเป็นฝ่ายเข้าหาเราเอง เป็นคนทัก เป็นคนเริ่มเปิดประเด็น
เป็นคนที่ทักเอ็มเราทุกวัน
และถ้าวันไหนที่เราไม่ได้ออน ก็จะต้องโทรมาหาทุกคืน
ทำไมน่ะเหรอ?
ก็เพราะคุยกะคอเดียวกันมันสนุกน่ะสิ
แต่ทันทีที่มีเรื่องเกิดขึ้นปุ๊บ
ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ผิด หรือวูบนึงที่เขาเคยคิดว่าอยากปรับความเข้าใจ
ทำไมถึงไม่โทรมา และไม่รับสาย
ก็เพราะว่า มัน "ไม่สนุก" แล้วน่ะสิ
อยากจะไปกระตุ้นต่อมประสาทจริงๆว่า ถ้าทำเพื่อแค่ "ความสนุก" แล้วเนี่ย
เขาเรียกว่าเพื่อนแท้ เพื่อนสนิท เหรอ?
สำหรับเราแล้ว มันไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเป็นคนที่เราเรียกว่าเพื่อนสนิท นั่นคือเราพร้อมจะมีทุกอารมณ์ร่วมกัน ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ ทะเลาะ กระโดดถีบ หรือเถียงกัน
ไม่ใช่โกรธแล้วเปิดหางหนีไปแบบนี้
แถมไม่เปิดอย่างเดียว นิ่งสนิท เงียบสงัด
แล้วส่งลูกสมุนมาทำร้ายกัน
ของแบบนี้ใครจะเรียกว่าเพื่อนบ้าง?
หรือจะบอกว่าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนแล้วก็เถอะ
ถามจริงเถอะว่า ใครบ้างกับเรื่องแค่นี้ต้องทิ้งเพื่อน และต้องทำร้ายคนที่เคยเป็นเพื่อนเหมือนจะฆ่าให้ตายด้วย?
ถ้าเราเป็นคนคิดสั้นกว่านี้อีกนิด
เราก็คงเป็นผีไปหลอกเขาแล้วล่ะมั้ง
ส่วนเขาก็คง...
ไปตามเพื่อนตัวเองมาสวดมนต์ไล่เรา
เราขอพูดง่ายๆเลย
เราแค่สรุปได้ว่า เขา เป็นคนประเภทที่คบเพื่อน "เพื่อความสนุก"
นั่นแปลว่า ทันทีที่ไม่สนุก เขาก็พร้อมจะชิ่งทันที
เหมือนอย่างเนี้ย
ก่อนหน้านี้ เขาเป็นฝ่ายเข้าหาเราเอง เป็นคนทัก เป็นคนเริ่มเปิดประเด็น
เป็นคนที่ทักเอ็มเราทุกวัน
และถ้าวันไหนที่เราไม่ได้ออน ก็จะต้องโทรมาหาทุกคืน
ทำไมน่ะเหรอ?
ก็เพราะคุยกะคอเดียวกันมันสนุกน่ะสิ
แต่ทันทีที่มีเรื่องเกิดขึ้นปุ๊บ
ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ผิด หรือวูบนึงที่เขาเคยคิดว่าอยากปรับความเข้าใจ
ทำไมถึงไม่โทรมา และไม่รับสาย
ก็เพราะว่า มัน "ไม่สนุก" แล้วน่ะสิ
อยากจะไปกระตุ้นต่อมประสาทจริงๆว่า ถ้าทำเพื่อแค่ "ความสนุก" แล้วเนี่ย
เขาเรียกว่าเพื่อนแท้ เพื่อนสนิท เหรอ?
สำหรับเราแล้ว มันไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเป็นคนที่เราเรียกว่าเพื่อนสนิท นั่นคือเราพร้อมจะมีทุกอารมณ์ร่วมกัน ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ ทะเลาะ กระโดดถีบ หรือเถียงกัน
ไม่ใช่โกรธแล้วเปิดหางหนีไปแบบนี้
แถมไม่เปิดอย่างเดียว นิ่งสนิท เงียบสงัด
แล้วส่งลูกสมุนมาทำร้ายกัน
ของแบบนี้ใครจะเรียกว่าเพื่อนบ้าง?
หรือจะบอกว่าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนแล้วก็เถอะ
ถามจริงเถอะว่า ใครบ้างกับเรื่องแค่นี้ต้องทิ้งเพื่อน และต้องทำร้ายคนที่เคยเป็นเพื่อนเหมือนจะฆ่าให้ตายด้วย?
ถ้าเราเป็นคนคิดสั้นกว่านี้อีกนิด
เราก็คงเป็นผีไปหลอกเขาแล้วล่ะมั้ง
ส่วนเขาก็คง...
ไปตามเพื่อนตัวเองมาสวดมนต์ไล่เรา
สรุป...
เกรียนอ่ะ
เกรียน
ก่อนหน้านี้ตอนดีๆ ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ พูดจามีเหตุผล
แต่พอมีเรื่องแล้วก็ไร้เหตุผลซะงั้น หนีหายแว่บ แล้วตามคนอื่นมารุมเล่นงาน
แบบนี้ไม่เรียก "เกรียน" แล้วเรียกว่าอะไรดี?
เกรียนอ่ะ
เกรียน
ก่อนหน้านี้ตอนดีๆ ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ พูดจามีเหตุผล
แต่พอมีเรื่องแล้วก็ไร้เหตุผลซะงั้น หนีหายแว่บ แล้วตามคนอื่นมารุมเล่นงาน
แบบนี้ไม่เรียก "เกรียน" แล้วเรียกว่าอะไรดี?
คนที่รู้ว่า "เขา" เป็นใครน่ะ
เราไม่ได้บอกว่าให้เลิกคบหรอกนะ
เพราะเราก็ไม่ชอบทฤษฏี เพื่อนเกลียด กรูเกลียด (แม้ว่าเขาและเพื่อนๆของเขาจะยึดถือก็ตาม)
แต่จะบอกว่า ระวังตัวเองไว้ คิดให้ดีว่าตัวเองเป็นเพื่อน "ระดับ" ไหนของเขา
ถ้าเป็นแค่หางแถวอย่างเรา ก็อย่าสะเออะไปมีเรื่องใดๆ
ไม่งั้นอาจจะโดนแบบเราได้
และก็ระวังด้วยล่ะ เพราะการที่เขาพูดคุยกับคุณทุกวัน
นั่นไม่ได้แปลว่าคุณอยู่ในระดับที่จะออกเสียงได้ว่า "เขาทำไม่ดีกับคุณ"
ถ้าเราจะมีสิ่งผิดอีกอย่าง ก็คงต้องเป็น
"เราผิด ที่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนแท้ที่พูดจากันรู้เรื่อง"
จริงๆเล่นสนุกจิตวิเคราะห์ไว้อีกหลายเรื่อง แต่เอาแค่เฉพาะเรื่องที่มันเนืองๆกะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นละกัน
แต่ถ้ามีใครอยากให้ต่อ ก็ต่อได้ล่ะนะ - -+
ไม่นึกว่าก่อนการเล่นจิตวิเคราะห์เซมไปเลิฟๆจะได้มาจิตวิเคราะห์มนุษย์เป็นๆซะก่อน
เราไม่ได้บอกว่าให้เลิกคบหรอกนะ
เพราะเราก็ไม่ชอบทฤษฏี เพื่อนเกลียด กรูเกลียด (แม้ว่าเขาและเพื่อนๆของเขาจะยึดถือก็ตาม)
แต่จะบอกว่า ระวังตัวเองไว้ คิดให้ดีว่าตัวเองเป็นเพื่อน "ระดับ" ไหนของเขา
ถ้าเป็นแค่หางแถวอย่างเรา ก็อย่าสะเออะไปมีเรื่องใดๆ
ไม่งั้นอาจจะโดนแบบเราได้
และก็ระวังด้วยล่ะ เพราะการที่เขาพูดคุยกับคุณทุกวัน
นั่นไม่ได้แปลว่าคุณอยู่ในระดับที่จะออกเสียงได้ว่า "เขาทำไม่ดีกับคุณ"
ถ้าเราจะมีสิ่งผิดอีกอย่าง ก็คงต้องเป็น
"เราผิด ที่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนแท้ที่พูดจากันรู้เรื่อง"
จริงๆเล่นสนุกจิตวิเคราะห์ไว้อีกหลายเรื่อง แต่เอาแค่เฉพาะเรื่องที่มันเนืองๆกะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นละกัน
แต่ถ้ามีใครอยากให้ต่อ ก็ต่อได้ล่ะนะ - -+
ไม่นึกว่าก่อนการเล่นจิตวิเคราะห์เซมไปเลิฟๆจะได้มาจิตวิเคราะห์มนุษย์เป็นๆซะก่อน
ส่วนคนที่ไม่รู้
เราก็อยากรู้ว่าอ่านเรื่องพวกนี้แล้วคิดยังไง
ว่าคนเราควรจะส่งเพื่อนตัวเองไปด่าคนอื่นมั้ย?
ควรจะถล่มกลุ่ม ถ้าเราไม่พอใจคนนึงในนั้นมั้ย?
และถ้าไม่พอใจคนนึง เราควรจะเบี้ยวตังค์มันใช่มั้ย?
เราก็อยากรู้ว่าอ่านเรื่องพวกนี้แล้วคิดยังไง
ว่าคนเราควรจะส่งเพื่อนตัวเองไปด่าคนอื่นมั้ย?
ควรจะถล่มกลุ่ม ถ้าเราไม่พอใจคนนึงในนั้นมั้ย?
และถ้าไม่พอใจคนนึง เราควรจะเบี้ยวตังค์มันใช่มั้ย?
ปล. คำพูดทั้งหมดที่โควทมา ยังมีที่มา มีหลักฐานอยู่ในเครื่อง จะเอามาลงเล่นก็ยังได้ แต่ไม่เอาดีกว่า เลยใช้วิธีเรียกออกจากความทรงจำ เลยอาจจะไม่ถึงกะเป๊ะๆ 100% แต่ถ้าใครอยากเห็นตัวจริงเพื่อความชัวร์เป๊ะ ก็เรียกร้องเอามาลงให้ได้นะ หึหึ
ปล.2 เอนทรี่เก่าๆเกี่ยวกับเรื่องนี้จะรื้อขึ้นมาให้ดูทั้งหมด ถ้าใครอยากรู้ก็ไปเปิดๆดูได้ มีไม่กี่อันเองน่ะแหละ ใครไม่รู้เรื่องแต่ชอบตามอ่านเรื่องคนอื่นก็ลองๆเปิดๆดูไปเล่นๆเอามันส์ก็แล้วกัน เพื่อนๆคนไหนอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดติดต่อหลังไมค์ได้นะคะ หุๆ แต่จะขอปิดคอมเมนท์ มีอะไรมาลงที่เอนทรี่นี้ดีกว่า สะดวกดี สาเหตุที่เปิดก็ 1. เผื่อบางคนที่นิสัยเหมือนเรา คือ ชอบดูคนกัดกัน จะได้ไปรู้เห็นเรื่องราว 2. ตอนนั้นยอมปิดให้เพราะคิดว่า "คุยกันรู้เรื่องแล้ว" แต่ในเมื่อจริงๆไม่รู้เรื่อง เราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องปิด? ถ้าเขาทำร้ายเรา เราต้องทำถามที่เขาบอกเหรอ?
ปล.3 พวกลูกสมุนและสิ่งมีชีวิตตัวกลางเป็นเพศชายหมด เลยอยากถามเผื่อตรงนี้นิดว่า ผู้ชายเนี่ย มันเป็นแบบนี้หมดรึเปล่า ถ้าใช่ เราจะได้เลิกคิดเรื่องแต่งงานซะที
ปล.4 (ชักเยอะ - -...) เผื่อไว้ ถ้าหากว่าคนๆนั้นได้มาอ่าน แล้วคิดจะมาด่า มากดดันเราใน MSN ต่อ ก็ตามสบายนะคะ แต่จะไม่เสวนาด้วยหรอกค่ะ
ปล.5 ชื่นชมคนที่อ่านมาถึงตรงนี้จริงๆ ไม่ว่าคุณจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวก็ตาม (คนไม่เกี่ยวยิ่งน่าชมใหญ่ เยี่ยม~!!)
ปล.2 เอนทรี่เก่าๆเกี่ยวกับเรื่องนี้จะรื้อขึ้นมาให้ดูทั้งหมด ถ้าใครอยากรู้ก็ไปเปิดๆดูได้ มีไม่กี่อันเองน่ะแหละ ใครไม่รู้เรื่องแต่ชอบตามอ่านเรื่องคนอื่นก็ลองๆเปิดๆดูไปเล่นๆเอามันส์ก็แล้วกัน เพื่อนๆคนไหนอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดติดต่อหลังไมค์ได้นะคะ หุๆ แต่จะขอปิดคอมเมนท์ มีอะไรมาลงที่เอนทรี่นี้ดีกว่า สะดวกดี สาเหตุที่เปิดก็ 1. เผื่อบางคนที่นิสัยเหมือนเรา คือ ชอบดูคนกัดกัน จะได้ไปรู้เห็นเรื่องราว 2. ตอนนั้นยอมปิดให้เพราะคิดว่า "คุยกันรู้เรื่องแล้ว" แต่ในเมื่อจริงๆไม่รู้เรื่อง เราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องปิด? ถ้าเขาทำร้ายเรา เราต้องทำถามที่เขาบอกเหรอ?
ปล.3 พวกลูกสมุนและสิ่งมีชีวิตตัวกลางเป็นเพศชายหมด เลยอยากถามเผื่อตรงนี้นิดว่า ผู้ชายเนี่ย มันเป็นแบบนี้หมดรึเปล่า ถ้าใช่ เราจะได้เลิกคิดเรื่องแต่งงานซะที
ปล.4 (ชักเยอะ - -...) เผื่อไว้ ถ้าหากว่าคนๆนั้นได้มาอ่าน แล้วคิดจะมาด่า มากดดันเราใน MSN ต่อ ก็ตามสบายนะคะ แต่จะไม่เสวนาด้วยหรอกค่ะ
ปล.5 ชื่นชมคนที่อ่านมาถึงตรงนี้จริงๆ ไม่ว่าคุณจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวก็ตาม (คนไม่เกี่ยวยิ่งน่าชมใหญ่ เยี่ยม~!!)
...เอนทรี่นี้ก็ไม่ค่อยสำนวน "ด่า" เท่าไหร่แหะ - -...
==========================================================================
ก่อนอื่นขอด่าคนก่อน ส่วนเนื้องานจริงๆ (ประกาศรับสั่งของของอดีตบล๊อก neoromance.exteen ค่ะ
) อยู่ด้านล่างน่อ ใครไม่อยากอ่านบ่นเลื่อนลงไปเลยให้ตายสิ กลายเป็นเอนทรี่ด่าคนอีกจนได้
ก็ไม่ได้ชอบด่าคนแบบนี้หรอกนะ เหตุผลก็ไปอ่านเอาตรงเนื้อหาก็แล้วกัน (ถ้าอยากรู้...?)
...สุดท้ายไงๆก็ไม่ได้พูดเรื่องการเมือง...? (ดีแล้ว ไม่อยากโดนยิง หึหึ)
) อยู่ด้านล่างน่อ ใครไม่อยากอ่านบ่นเลื่อนลงไปเลยให้ตายสิ กลายเป็นเอนทรี่ด่าคนอีกจนได้
ก็ไม่ได้ชอบด่าคนแบบนี้หรอกนะ เหตุผลก็ไปอ่านเอาตรงเนื้อหาก็แล้วกัน (ถ้าอยากรู้...?)
...สุดท้ายไงๆก็ไม่ได้พูดเรื่องการเมือง...? (ดีแล้ว ไม่อยากโดนยิง หึหึ)
แหม๊ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปเจอหรอกนะ เพราะไม่อยากไปเยี่ยมเยียนให้เป็นเสนียดชีวิต แต่เผอิญว่ามันเจอลิงค์ไปพอดี๊พอดี คนเรานี่มันก็ดวงหมาใช้ได้เลยทีเดียว - -...
(จริงๆดวงหมาหลายเรื่องตั้งแต่มีเรื่องกะไอ้พวกนี้ แหม๊ - - ทำไมมันช่างเหมาะเจาะอะไรเยี่ยงนี้ แถมเราเป็นพวกชอบมีดวงซวยช่วงต้นปีเป็นประจำอีกต่างหาก...)
ถามว่าจุดประสงค์ของบล๊อกคืออะไร?
ส่วนนึงมันคือสเปซที่บอกเล่าเรื่องที่มีประโยชน์
ซึ่งเราก็เห็นว่า "เรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา" เป็นบทเรียนให้กับใครหลายๆคนได้ ก็แสดงว่าย่อมเป็นสิ่งที่มีประโยชน์
ประสบการณ์ของคนๆหนึ่ง เป็นบทเรียนให้กับคนอื่นได้เสมอ
ไม่งั้นจะมีหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ของคนเราให้ผู้อื่นฟังทำไม?
อีกส่วน สาเหตุที่เราเอาเรื่องลงบล๊อก เพราะ ต้องการรู้ความเห็นของผู้อื่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
การไประบายให้คนใกล้ตัวฟัง ก็เป็นเรื่องปกติที่จะได้ความเห็นที่เข้าข้างเราอยู่แล้ว
เหมือนที่เพื่อนๆของ "เขา" ปกป้อง "เขา"
เราถึงได้หาที่อื่นที่จะมีเสียงของคนอื่นๆให้เราได้ยินด้วย
คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะเครียดไปกับเรา หรือเห็นใจเราซะจนไปไล่ด่าคนอื่นได้
ไปอ่านเอนทรี่ก่อนซะนิดก็ดีนะ คนเข้ามาตักเตือนก็มี
เราก็ไม่ได้ห้ามว่าห้ามเข้ามาด่า เพียงแค่บอกว่า พวกที่ชอบปลอมตัวถอด Login เข้ามาด่าเท่านั้นที่ช่วยไสหัวไปด้วย
เราไม่เคยอ้างว่าบล๊อกของเราเป็นที่ส่วนตัว เพราะเราก็เคยไปโต้แย้งเรื่องนี้กับคนอื่นแล้วว่ามันไม่ใช่
เพียงแต่ว่าข้ออ้างที่ว่าบล๊อกของเรามีคนอ่านน้อยก็คือ คนสักกี่คนเชียวที่จะทนอ่านเอนทรี่ยาวๆ (ยาวโคตรๆ จริงๆน่ะแหละ) ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
เพราะงั้นการเขียนยาวๆของเรา มันถึงไม่ค่อยมีคนตอบ
ถามใจเราเอง ถ้าเข้ามาเจอเรื่องที่ไม่เกี่ยวกะตัวเองยาวๆ ใครมันจะอ่านฟะ?
ชื่อก็อุตสาห์ไม่ใส่แล้ว งวดนี้ลิงค์ไปถึงข้อเขียนต้นฉบับก็ไม่ได้ลง
แล้วอยากรู้เสียจริงว่าการเขียนของเขานั่น เรียกว่าการตอบโต้ไหมนะ? พูดเองก็ทำเอง ทุเรศน่า
(จริงๆดวงหมาหลายเรื่องตั้งแต่มีเรื่องกะไอ้พวกนี้ แหม๊ - - ทำไมมันช่างเหมาะเจาะอะไรเยี่ยงนี้ แถมเราเป็นพวกชอบมีดวงซวยช่วงต้นปีเป็นประจำอีกต่างหาก...)
ถามว่าจุดประสงค์ของบล๊อกคืออะไร?
ส่วนนึงมันคือสเปซที่บอกเล่าเรื่องที่มีประโยชน์
ซึ่งเราก็เห็นว่า "เรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา" เป็นบทเรียนให้กับใครหลายๆคนได้ ก็แสดงว่าย่อมเป็นสิ่งที่มีประโยชน์
ประสบการณ์ของคนๆหนึ่ง เป็นบทเรียนให้กับคนอื่นได้เสมอ
ไม่งั้นจะมีหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ของคนเราให้ผู้อื่นฟังทำไม?
อีกส่วน สาเหตุที่เราเอาเรื่องลงบล๊อก เพราะ ต้องการรู้ความเห็นของผู้อื่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
การไประบายให้คนใกล้ตัวฟัง ก็เป็นเรื่องปกติที่จะได้ความเห็นที่เข้าข้างเราอยู่แล้ว
เหมือนที่เพื่อนๆของ "เขา" ปกป้อง "เขา"
เราถึงได้หาที่อื่นที่จะมีเสียงของคนอื่นๆให้เราได้ยินด้วย
คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา มันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะเครียดไปกับเรา หรือเห็นใจเราซะจนไปไล่ด่าคนอื่นได้
ไปอ่านเอนทรี่ก่อนซะนิดก็ดีนะ คนเข้ามาตักเตือนก็มี
เราก็ไม่ได้ห้ามว่าห้ามเข้ามาด่า เพียงแค่บอกว่า พวกที่ชอบปลอมตัวถอด Login เข้ามาด่าเท่านั้นที่ช่วยไสหัวไปด้วย
เราไม่เคยอ้างว่าบล๊อกของเราเป็นที่ส่วนตัว เพราะเราก็เคยไปโต้แย้งเรื่องนี้กับคนอื่นแล้วว่ามันไม่ใช่
เพียงแต่ว่าข้ออ้างที่ว่าบล๊อกของเรามีคนอ่านน้อยก็คือ คนสักกี่คนเชียวที่จะทนอ่านเอนทรี่ยาวๆ (ยาวโคตรๆ จริงๆน่ะแหละ) ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
เพราะงั้นการเขียนยาวๆของเรา มันถึงไม่ค่อยมีคนตอบ
ถามใจเราเอง ถ้าเข้ามาเจอเรื่องที่ไม่เกี่ยวกะตัวเองยาวๆ ใครมันจะอ่านฟะ?
ชื่อก็อุตสาห์ไม่ใส่แล้ว งวดนี้ลิงค์ไปถึงข้อเขียนต้นฉบับก็ไม่ได้ลง
แล้วอยากรู้เสียจริงว่าการเขียนของเขานั่น เรียกว่าการตอบโต้ไหมนะ? พูดเองก็ทำเอง ทุเรศน่า
สรุป
1. เราไม่เคยบอกว่าบล๊อกเป็นที่ส่วนบุคคล อย่ามามั่วยัดคำพูดให้
2. ประสบการณ์ของผู้อื่นเป็นบทเรียนให้กับคนอื่นๆอีกได้ แน่นอนยิ่งกว่าดูละครแล้วย้อนดูตัว
3.คุณบอกว่าไม่ควรตอบโต้ แต่ที่คุณทำมันก็คือการตอบโต้น่ะแหละ แหวะ
4.เราไม่เคยบอกว่าห้ามใครตอบคัดค้านกับเรา มั่วยัดคำพูดให้อีกแล้ว
5. การถามความเห็นจากที่สาธารณะ เป็นการฟังเสียงของ "สังคม" ที่ดี (ย้ำว่าสังคมไทย ไม่ใช่สังคมหมาหมู่ของพวกคุณที่มีกฏเป็นของตนเอง) และเป็นการฟังเสียงจากคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา ความเห็นย่อมมีความเป็นกลางสูงกว่าการถามเพื่อนๆตนเอง ถ้ามันไม่ดี... งั้นการทำโพลเรื่องไม่ดีอย่างเรื่องฉาวโช่ดาราการเมืองก็ผิดสิเนอะ? ทำไมไม่ไปฟ้องล่ะ?
6.คนไม่เกี่ยวข้องกัน อ่านเรื่องเครียดของคนอื่น เขาไม่เก็บไปเครียดมากหรอก เว้นซะแต่ว่าตอนนี้มีใครในพรรคพวกของคุณทรมานกับที่เราเขียนรึเปล่านะ? หึหึ
7. นิสัยเราเป็นไง เพื่อนเรารู้ ไม่ต้องมาเดาให้หรอก อย่างกับว่าปกติเรามีบล๊อกไว้ด่าคนรึก็ไม่ใช่ คราวก่อนเพื่อนคนนึงยังพูดเลยว่า "ไม่น่าเชื่อว่าแกจะมีเรื่องกับใครได้" ก็คิดดูละกัน เพราะถ้าถามคนสนิท จะรู้ว่าปกติเราเป็นพวกไม่คิดมากเรื่องคนอื่นเลย ใครจะทำไร จะทำไงก็ช่าง ขอเพียงเป็นคน "ดี" ในระดับนึงก็พอ อย่างน้อยดีในระดับที่จะไม่ไปเที่ยวทำร้ายคนอื่นล่ะนะ
8.เพื่อนสนิทจริงๆเราไม่เยอะหรอก เพราะเราไม่เคยพูดมั่วซั่วเหมือนใครบางคนที่เจอกันแค่ 2 วันก็ป่าวๆคำว่าเพื่อน แล้วก็มาด่ามาฆ่ากันซะงั้น เพราะงั้นเราถึงได้เสียใจมากที่ถูกคนที่คิดว่าเป็น "เพื่อน" กันมาครึ่งปี กระทืบทิ้งเอาซะงั้น แล้วถ้าไม่เสียใจมาก จะต้องมานั่ง "ด่า" แบบนี้ทำไม?
9. เราเป็นพวกที่ว่า "เรื่องฉาวโฉ่" ให้คนรู้น้อยที่สุด เพราะงั้นเรื่องที่ถูกพวกๆคุณทำร้ายเอา เราถึงไม่ได้พูดกับใครมาก มีเพียงคนสนิทที่สุดๆราว 3-4 คนเท่านั้นที่รู้เรื่อง และทุกคนไม่ได้รู้เรื่องหมด (ต้องเอา 3-4 คนนั้นมารวมร่างกันจึงจะได้ทั้งเรื่อง) แต่พวกคุณกลับชอบ "เรื่องฉาวโฉ่" ต้องกระจายให้เพื่อนฟัง? แถมเพื่อนที่สนิทๆกับเรา รู้เรื่องเราแล้วจะไม่เครียด? ให้ตายสิ คุณบอกว่าเขียนให้ "คนอื่น" อ่าน เครียดไม่ดี แต่ทำให้เพื่อนตัวเองเครียดแล้วดี๊ดี?
10. ถ้าห่วย คนลบทิ้งก่อนอ่าน ทำไมคุณถึงได้มาอ่านหว่า? พูดจาขัดกับการกระทำอีกแล้ว เฮ่อ... สันดานแก้ไม่หายจริงๆ แถมขัดกับการที่คุณบอกว่าเป็นการเขียนเพื่อให้คนเข้ามาปลอบ... ก็ถ้ามันไม่มีคนมาอ่าน แล้วใครจะมาปลอบอีกล่ะ?
11. คุณบอกว่าคุณไม่ได้ห้าม ก็นะ พวกคุณก็เป็นประเภทถูกด่าแล้วไม่สนน่ะสิ เพราะที่คุณเขียนมันโจ่งแจ้งมากว่าห้าม มีคำว่า "หรือไม่ก็เลิกเขียนบล็อคไปเลยครับ" (เปลี่ยนคำหนึ่งคำเพื่อไม่ให้ search engine เข้าถึงข้อความต้นฉบับได้)... แบบนี้ไม่เรียกว่ามี "เป้าหมาย" ที่จะห้ามอีกรึ? ไปสอบเอนท์ภาษาไทยตกแน่ๆ (ข้อที่ว่าด้วย "ผู้แต่งมีจุดประสงค์อย่างไร"... - -...)
12. แต่เราก็ไม่หยุดหรอกนะ เราไม่เห็นจะต้องทำตามคำของคนที่ "เป็นศัตรู" และ "คิดจะฆ่าเรา" มาแล้ว
1. เราไม่เคยบอกว่าบล๊อกเป็นที่ส่วนบุคคล อย่ามามั่วยัดคำพูดให้
2. ประสบการณ์ของผู้อื่นเป็นบทเรียนให้กับคนอื่นๆอีกได้ แน่นอนยิ่งกว่าดูละครแล้วย้อนดูตัว
3.คุณบอกว่าไม่ควรตอบโต้ แต่ที่คุณทำมันก็คือการตอบโต้น่ะแหละ แหวะ
4.เราไม่เคยบอกว่าห้ามใครตอบคัดค้านกับเรา มั่วยัดคำพูดให้อีกแล้ว
5. การถามความเห็นจากที่สาธารณะ เป็นการฟังเสียงของ "สังคม" ที่ดี (ย้ำว่าสังคมไทย ไม่ใช่สังคมหมาหมู่ของพวกคุณที่มีกฏเป็นของตนเอง) และเป็นการฟังเสียงจากคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรา ความเห็นย่อมมีความเป็นกลางสูงกว่าการถามเพื่อนๆตนเอง ถ้ามันไม่ดี... งั้นการทำโพลเรื่องไม่ดีอย่างเรื่องฉาวโช่ดาราการเมืองก็ผิดสิเนอะ? ทำไมไม่ไปฟ้องล่ะ?
6.คนไม่เกี่ยวข้องกัน อ่านเรื่องเครียดของคนอื่น เขาไม่เก็บไปเครียดมากหรอก เว้นซะแต่ว่าตอนนี้มีใครในพรรคพวกของคุณทรมานกับที่เราเขียนรึเปล่านะ? หึหึ
7. นิสัยเราเป็นไง เพื่อนเรารู้ ไม่ต้องมาเดาให้หรอก อย่างกับว่าปกติเรามีบล๊อกไว้ด่าคนรึก็ไม่ใช่ คราวก่อนเพื่อนคนนึงยังพูดเลยว่า "ไม่น่าเชื่อว่าแกจะมีเรื่องกับใครได้" ก็คิดดูละกัน เพราะถ้าถามคนสนิท จะรู้ว่าปกติเราเป็นพวกไม่คิดมากเรื่องคนอื่นเลย ใครจะทำไร จะทำไงก็ช่าง ขอเพียงเป็นคน "ดี" ในระดับนึงก็พอ อย่างน้อยดีในระดับที่จะไม่ไปเที่ยวทำร้ายคนอื่นล่ะนะ
8.เพื่อนสนิทจริงๆเราไม่เยอะหรอก เพราะเราไม่เคยพูดมั่วซั่วเหมือนใครบางคนที่เจอกันแค่ 2 วันก็ป่าวๆคำว่าเพื่อน แล้วก็มาด่ามาฆ่ากันซะงั้น เพราะงั้นเราถึงได้เสียใจมากที่ถูกคนที่คิดว่าเป็น "เพื่อน" กันมาครึ่งปี กระทืบทิ้งเอาซะงั้น แล้วถ้าไม่เสียใจมาก จะต้องมานั่ง "ด่า" แบบนี้ทำไม?
9. เราเป็นพวกที่ว่า "เรื่องฉาวโฉ่" ให้คนรู้น้อยที่สุด เพราะงั้นเรื่องที่ถูกพวกๆคุณทำร้ายเอา เราถึงไม่ได้พูดกับใครมาก มีเพียงคนสนิทที่สุดๆราว 3-4 คนเท่านั้นที่รู้เรื่อง และทุกคนไม่ได้รู้เรื่องหมด (ต้องเอา 3-4 คนนั้นมารวมร่างกันจึงจะได้ทั้งเรื่อง) แต่พวกคุณกลับชอบ "เรื่องฉาวโฉ่" ต้องกระจายให้เพื่อนฟัง? แถมเพื่อนที่สนิทๆกับเรา รู้เรื่องเราแล้วจะไม่เครียด? ให้ตายสิ คุณบอกว่าเขียนให้ "คนอื่น" อ่าน เครียดไม่ดี แต่ทำให้เพื่อนตัวเองเครียดแล้วดี๊ดี?
10. ถ้าห่วย คนลบทิ้งก่อนอ่าน ทำไมคุณถึงได้มาอ่านหว่า? พูดจาขัดกับการกระทำอีกแล้ว เฮ่อ... สันดานแก้ไม่หายจริงๆ แถมขัดกับการที่คุณบอกว่าเป็นการเขียนเพื่อให้คนเข้ามาปลอบ... ก็ถ้ามันไม่มีคนมาอ่าน แล้วใครจะมาปลอบอีกล่ะ?
11. คุณบอกว่าคุณไม่ได้ห้าม ก็นะ พวกคุณก็เป็นประเภทถูกด่าแล้วไม่สนน่ะสิ เพราะที่คุณเขียนมันโจ่งแจ้งมากว่าห้าม มีคำว่า "หรือไม่ก็เลิกเขียนบล็อคไปเลยครับ" (เปลี่ยนคำหนึ่งคำเพื่อไม่ให้ search engine เข้าถึงข้อความต้นฉบับได้)... แบบนี้ไม่เรียกว่ามี "เป้าหมาย" ที่จะห้ามอีกรึ? ไปสอบเอนท์ภาษาไทยตกแน่ๆ (ข้อที่ว่าด้วย "ผู้แต่งมีจุดประสงค์อย่างไร"... - -...)
12. แต่เราก็ไม่หยุดหรอกนะ เราไม่เห็นจะต้องทำตามคำของคนที่ "เป็นศัตรู" และ "คิดจะฆ่าเรา" มาแล้ว
สรุปข้อพิเศษ ไงๆพวกคุณก็จะยืนยันว่าอิชั้นผิดแต่ต้นยันจบและพวกคุณถู๊กถูกแม้ว่าจะติดเงินอยู่ 500 ไม่ยอมจ่ายสินะ? แหม๊ กฏหมายประเทศไหนให้ "งดเว้นการใช้หนี้ถ้าทะเลาะกันแล้ว" ด้วยรึ?
ถ้าคุณเล่นกันตามกฏจารีตประเพณีตั้งแต่แรก อิชั้นไม่ใช้วิธีนี้หรอกนะ
พวกคุณเล่นงี้กันมาเอง เล่นกับพวกนอกกฏ ก็ต้องเล่นนอกกฏเนี่ยแหละ
ถ้าคุณเล่นกันตามกฏจารีตประเพณีตั้งแต่แรก อิชั้นไม่ใช้วิธีนี้หรอกนะ
พวกคุณเล่นงี้กันมาเอง เล่นกับพวกนอกกฏ ก็ต้องเล่นนอกกฏเนี่ยแหละ
แอบตอบจากเอนทรี่เก่า
คุณ Yue
แบบว่าอยากจะขอบคุณจริงๆค่ะที่เป็นห่วง แต่แบบว่าเราเป็นพวกนิสัยแบบนี้แหละค่ะ - -...
รักใครรักจริง ถ้าเกลียดแค้นใครก็จริงเหมือนกัน
แต่ค่ะ เราจะไม่ทำร้ายตัวเองอีกแล้วค่ะ
เพราะการทำให้ตัวเองเจ็บ มีแต่จะทำให้ "พวกเขา" มีความสุข
คุณ Yue
แบบว่าอยากจะขอบคุณจริงๆค่ะที่เป็นห่วง แต่แบบว่าเราเป็นพวกนิสัยแบบนี้แหละค่ะ - -...
รักใครรักจริง ถ้าเกลียดแค้นใครก็จริงเหมือนกัน
แต่ค่ะ เราจะไม่ทำร้ายตัวเองอีกแล้วค่ะ
เพราะการทำให้ตัวเองเจ็บ มีแต่จะทำให้ "พวกเขา" มีความสุข
คุณ Anna ขอแจงนิด เรื่องแรก ไม่ได้ยืมเงินค่ะ เป็นการออกให้ก่อน เพราะ "เขา" สั่งของจากญี่ แล้วเราไม่รู้ค่าส่ง เลยออกให้ก่อน พอของมา มีเรื่องกัน เราอุตสาห์ว่าส่งของไปให้ก่อน แต่เขากลับเบี้ยวเงินค่ะ
เรื่องสอง ฝูงเพศผู้ไม่ใช่เพื่อนเราค่ะ เจอกันครั้งที่ 2 รวมเวลาที่เจอกันทั้งหมดตั้งแต่แรกจนถึงการพูดเรื่องเพศครั้งแรกไม่ถึง 24 ชั่วโมงค่ะ แถมมาเป็นฝูงอีก คงน้อยคนล่ะค่ะ ที่จะกล้าบอกให้วงแบบนี้หยุดพูด
เรื่องสอง ฝูงเพศผู้ไม่ใช่เพื่อนเราค่ะ เจอกันครั้งที่ 2 รวมเวลาที่เจอกันทั้งหมดตั้งแต่แรกจนถึงการพูดเรื่องเพศครั้งแรกไม่ถึง 24 ชั่วโมงค่ะ แถมมาเป็นฝูงอีก คงน้อยคนล่ะค่ะ ที่จะกล้าบอกให้วงแบบนี้หยุดพูด
ภาโกะ
...ตารางสอนยังไม่เรียบร้อยเลยอ่ะ - -... เดี๋ยวเสร็จแล้วก็คงเอาลงบ๊อกๆแหละอ่ะ
แบบว่าตอนนี้ตารางสอนนรกมาก โศกากันไปเป็นแถบๆ TT-TT~
เรื่องทวงตังค์ มีแววจะปิ๋ว หน่ายเหนื่อย
เรื่องเที่ยว... ก็ติดต่อมาละกันน่อ
...ตารางสอนยังไม่เรียบร้อยเลยอ่ะ - -... เดี๋ยวเสร็จแล้วก็คงเอาลงบ๊อกๆแหละอ่ะ
แบบว่าตอนนี้ตารางสอนนรกมาก โศกากันไปเป็นแถบๆ TT-TT~
เรื่องทวงตังค์ มีแววจะปิ๋ว หน่ายเหนื่อย
เรื่องเที่ยว... ก็ติดต่อมาละกันน่อ
---------------------------------------------------
ธุระของจริงมาแล้วจ้า~~~
ประกาศรับสั่งของของอดีตบล๊อก neoromance.exteen ค่ะ
(รายละเอียดขอก๊อบมาจากเมลล์ อันเนื่องด้วยความขี้เกียจสุดโต่ง)
ประกาศรับสั่งของของอดีตบล๊อก neoromance.exteen ค่ะ
(รายละเอียดขอก๊อบมาจากเมลล์ อันเนื่องด้วยความขี้เกียจสุดโต่ง)
คือตอนนี้จะขอคิดค่าสั่งของเป็นเรท 0.5 (คือราคาเยน x 0.5 ค่ะ)
เนื่องจากว่าคราวที่แล้วทางเราคิดเรทถูกซะจนเลือดตัวเองออกน่ะค่ะ ^^" ตอนนี้เลยขอขึ้นราคามาอีกหน่อย
อาจจะมีการปรับขึ้นลงอีกบ้างตามเรทเงิน และถ้าทางเราคำนวณเรทอื่นที่เหมาะสม ถูกใจทั้งคนซื้อคนขายน่ะค่ะ
ส่วนวันที่จะได้สินค้าอาจจะช้าหน่อยนะคะ เพราะเราจะรวมของเป็นงวดๆน่ะค่ะ ถ้าสั่งนอกรอบก็อาจจะต้องรอรึไม่ก็ข่ายค่าส่งเพิ่มค่ะแต่ถ้าสั่งตอนเราประกาศก็อาจจะได้เร็วหน่อย แต่ไงๆการส่ง เราก็จะไม่ได้ส่งแบบเร็วและแพงน่ะค่ะ เพื่อประหยัดงบประมาณ - -... เพราะฉะนั้นสินค้าอาจจะได้ไม่เร็วนัก แต่รับประกันว่าได้ชัวร์ค่ะ~
เนื่องจากว่าคราวที่แล้วทางเราคิดเรทถูกซะจนเลือดตัวเองออกน่ะค่ะ ^^" ตอนนี้เลยขอขึ้นราคามาอีกหน่อย
อาจจะมีการปรับขึ้นลงอีกบ้างตามเรทเงิน และถ้าทางเราคำนวณเรทอื่นที่เหมาะสม ถูกใจทั้งคนซื้อคนขายน่ะค่ะ
ส่วนวันที่จะได้สินค้าอาจจะช้าหน่อยนะคะ เพราะเราจะรวมของเป็นงวดๆน่ะค่ะ ถ้าสั่งนอกรอบก็อาจจะต้องรอรึไม่ก็ข่ายค่าส่งเพิ่มค่ะแต่ถ้าสั่งตอนเราประกาศก็อาจจะได้เร็วหน่อย แต่ไงๆการส่ง เราก็จะไม่ได้ส่งแบบเร็วและแพงน่ะค่ะ เพื่อประหยัดงบประมาณ - -... เพราะฉะนั้นสินค้าอาจจะได้ไม่เร็วนัก แต่รับประกันว่าได้ชัวร์ค่ะ~
ส่วนของ ถ้าจะสั่งตอนนี้ เดี๋ยวเราจะรวมของกันส่งเลยน่ะค่ะก็คิดว่าคงไม่น่าจะเกินหนึ่งเดือน ของก็จะได้ค่ะ
ส่วนวิธีจ่ายเงินก็ใช้วิธีโอนเข้าบัญชีค่ะ
วิธีรับของ ถ้าสะดวกนัดเจอแถวสยาม หรือแถวฝั่งธนบางที่ก็นัดเจอได้ค่ะ หรือจะส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ค่ะ
ถ้าสนใจก็ติดต่อมาได้นะคะ
ส่วนวิธีจ่ายเงินก็ใช้วิธีโอนเข้าบัญชีค่ะ
วิธีรับของ ถ้าสะดวกนัดเจอแถวสยาม หรือแถวฝั่งธนบางที่ก็นัดเจอได้ค่ะ หรือจะส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ค่ะ
ถ้าสนใจก็ติดต่อมาได้นะคะ
อ้อ สินค้าที่สั่งได้คือสินค้าทั้งหมดที่มีขายในเวบของ Koei นะคะ คือhttp://www.gamecity.ne.jp/shop/
http://www.gamecity.ne.jp/shop/haruka/
http://www.gamecity.ne.jp/shop/ange/
http://www.gamecity.ne.jp/shop/corda/
โดนสินค้าบางรายการที่สั่งกับเวบของ Koei จะมีของแถมเล็กๆน้อยๆเป็นของ original ของทาง Koei ด้วยค่ะ
นอกจากนี้สินค้าบางรายการ ยังเป็นสินค้า original ของ koei ด้วยค่ะ เช่นตอนนี้จะเป็น ผ้าพันคอและผ้าคลุมไหล่ของคอร์ดาhttp://www.gamecity.ne.jp/shop/goods/scarf/buy.htm
http://www.gamecity.ne.jp/shop/goods/corda_stole/
http://www.gamecity.ne.jp/shop/haruka/
http://www.gamecity.ne.jp/shop/ange/
http://www.gamecity.ne.jp/shop/corda/
โดนสินค้าบางรายการที่สั่งกับเวบของ Koei จะมีของแถมเล็กๆน้อยๆเป็นของ original ของทาง Koei ด้วยค่ะ
นอกจากนี้สินค้าบางรายการ ยังเป็นสินค้า original ของ koei ด้วยค่ะ เช่นตอนนี้จะเป็น ผ้าพันคอและผ้าคลุมไหล่ของคอร์ดาhttp://www.gamecity.ne.jp/shop/goods/scarf/buy.htm
http://www.gamecity.ne.jp/shop/goods/corda_stole/
ขอบคุณมากค่ะ
ปล. คนสนใจที่ยังไม่รู้เมลล์เรา รบกวนทิ้งเมลล์ไว้ในเอนทรี่ได้นะคะ ถ้าไม่อยากถูกสแปม ก็ใช้ "ad" แทน "@" ได้นะคะ~
แต่จะพยายามรับคนที่เข้ามาหน้าตาคุ้นๆเป็นหลักค่ะ
ใครไม่คุ้น แต่ฝักใฝ่(?)ทางด้านนี้ ลองติดต่อมาก่อนก้ได้นะคะ~ ^^
แต่จะพยายามรับคนที่เข้ามาหน้าตาคุ้นๆเป็นหลักค่ะ
ใครไม่คุ้น แต่ฝักใฝ่(?)ทางด้านนี้ ลองติดต่อมาก่อนก้ได้นะคะ~ ^^
...ทั้งหมดก็... แค่นี้มั้ง? O_O
No comments:
Post a Comment