Monday, February 10, 2014

[exteen backup] [Conan]Christmas Fic...=_=" ช้าไปหลายเด้อ - All i want for Christmas is you - GinxSherry

ช้าไปหลายเด้ออออออออออ =_="
ก็ดั๊นเขียนไม่ทันนี่นา ฮืออออออ
แต่อย่างน้อยคืนอีฟก็ลงฟิคคริสมาสไปเรื่องนึงแล้วนะ!!
อร่อก ในหัวยังมีฟิคคริสมาสอยู่อีกสองเรื่องอีกต่างหาก
เอาไงกะมันดีนะ...
 
เมื่อวานวุ่นวายมั่ก ทั้งเอาน้องผีไปเข้าโรงบาล
(มีลางว่าต้องจัดงานศพให้...)
ไปแรดกะเพื่อน จบท้ายด้วย Asahi Beergarden!! XDD
ก็เลยกลับมาเขียนฟิคต่อไม่ทัน... =_="....
พึ่งจะเขียนจบตะกี้นี้เอง
เอาลงเลย อาจจะมีส่วนไหนแปลกๆ เพราะไม่ได้อ่านทวนนะเคอะ
ยังไงก็ฝากไว้ในอ้อมใจด้วยละกันค่ะ (เหมือนนักร้องลูกทุ่ง? O_O?)
 
ปล. ฟิคแต่ละเรื่อง เขียนแต่คู่ที่ไม่มีคนอ่าน กร๊ากกกกกกกก
 
========================================
 
    ในเมืองไม่ว่าที่ไหนต่างก็เต็มไปด้วยบรรยากาศของความสุข งานรื่นเริง และการเฉลิมฉลอง ตามร้านรวงถูกประดับประดาด้วยสายรุ้งและดวงไฟหลากสีสัน เสียงเพลงคริสมาสถูกเปิดคลอทางทางเดินทุกหนทุกแห่ง แทบทุกหัวมุมถนนมีต้นคริสมาสตกแต่งอย่างสวยงามจัดวางอยู่ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข บ้างก็ถือถุงใส่ของขวัญกันเต็มไม้เต็มมือ เสียงเด็กร้องอ้อนพ่อแม่ให้ซื้อของเล่น ตุ๊กตา หรือขนมเค้กหน้าตาน่ารักในตู้โชว์ของร้าน ส่วนชายหนุ่มหญิงสาวคู่รักก็จับมือ ควงแขนกันชี้ชวนให้ดูไฟประดับที่ส่งแสงแวบวับ หรือไม่ก็ไปทานอาหารมื้อพิเศษกันในร้านอาหารสุดหรู ก่อนจะส่งเครื่องประดับอัญมณีที่ส่องประกายไม่แพ้ดวงไฟตามตึกราม
    ฉันเดินไปตามถนน มองเหล่าผู้คนที่มีความสุขสมหวังในวันคริสมาส เสียงเพลงคริสมาสเพลงหนึ่งดังออกมาจากห้างสรรพสินค้าเมื่อลูกค้าเปิดประตูกระจกออกมา
    ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง

Detective Conan Fanfiction 
All i want for Christmas is you - GinxSherry

    บรรยากาศที่อบอวลไปทั่วเมืองช่างน่าอึดอัด ไฟและเครื่องประดับตามร้านรวงก็สว่างเสียจนแสงแยงตา เสียงเพลงและเสียงยินดีของผู้คนเองก็เป็นเพียงแค่เสียงหนวกหูน่ารำคาญไม่ต่างจากเสียงบินหึ่งๆ ของแมลง รอยยิ้มของเด็ก และพ่อแม่เหมือนจะทำให้มือสั่นระริกเรียกหากเบเรตต้าคู่ใจแล้วลั่นกระสุนออกมา คนรักที่เดินเคียงข้างกันแสดงความรัก แต่ท้ายสุดก็ไปจบเพียงระบายความใคร่ต่อกัน ความสุขของเหล่าผู้คนไม่เหมาะกับฉัน เพราะโลกที่ฉันอยู่นั้นเป็นสีดำ ดำสนิทเหมือนค่ำคืนที่ไร้แสงดาวและดวงจันทร์ รวมถึงไม่มีแสงไฟที่มนุษยสร้างขึ้นเพื่อปลอบประโลมกันเอง 
    ฉันมองไปตามถนน แล้วนึกถึงคืนวันครั้งก่อน... ฉันเองก็เคยมีแสงที่สร้างจากมนุษย์ เป็นประกายดวงเล็กๆ ที่คอยปลอบประโลมจิตใจของฉัน
    เสียงเพลงคริสมาสเพลงหนึ่งดังขึ้นมาจากร้านไหนสักร้าน เมื่อได้ยินเพลงนี้ ฉันก็ได้แต่เอนหลังลงกับรถปอร์เช่คันงามของตน แล้วปล่อยลมหายใจเป็นไอสีขาวออกมาสู่อากาศ

---------------------------

    เพลงนี้ที่ท่วงทำนองสนุกสนาน แต่เนื้อหากลับเป็นการพร่ำเพ้อห่วงหาถึงใครคนหนึ่ง ใครคนหนึ่งที่มีใจผูกพัน แต่กลับห่างกันไปในวันที่แสนสุขเช่นนี้
    อดคิดไม่ได้ว่า บางทีอาจไม่ใช่ตัวความรู้สึกที่ห่างกันออกไป
    แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่าง ทำให้คนสองคนไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
    เสียงเพลงยังคงบรรเลงต่อไป
    ฉันจึงเผลอร้องเพลงออกมาเบาๆ กับตัวเอง

    "...I just want you for my own
    More than you could ever know
    Make my wish come true
    All I want for Christmas is ...You"

---------------------------

    พระอาทิตย์ค่อยๆ โรยร่างลับขอบฟ้า แสงสีทองก็อ่อนแรงลงจนความมืดเริ่มเข้าปกคลุม ในเวลาแบบนี้แสงสว่างของเมืองก็คงยิ่งปรากฏเด่นชัด เวลานี้คุโด้คุงคงอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น แม้ว่าจะไม่อาจเผยความจริงได้ แต่อย่างน้อยทั้งสองคนก็ได้อยู่ด้วยกัน พอคิดแบบนั้นแล้ว ตัวเองจึงรู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดคุโด้คุงคงโทรศัพท์ไปหาเธอคนนั้น ถึงจะไม่ได้เห็นหน้ากัน แต่ก็ยังส่งเสียงบอกความรู้สึกของกันและกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับสองคนนั้นแล้ว การอยู่ด้วยกันอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญขนาดนั้น เพราะความรู้สึกของทั้งสองคนผูกพันกันแน่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองก็คงปรารถนาที่จะได้พบกัน และจบลงอย่างมีความสุขเหมือนในนิทาน
    แต่สำหรับฉัน... 
    "เขา" เป็นคนที่แม้จะอยากเจอ ก็ไม่อาจเจอได้ ในเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้ และไม่สามารถส่งเสียงหาเขาได้ มันช่างน่ากลัวเหลือเกินว่าความรู้สึกของเขาจะเปลี่ยนไป
    ถ้าหากว่าสักวันหนึ่งที่ปากกระบอกปืนนั้นเล็งมาทางนี้ด้วยแววตาของเขาที่แตกต่างไปจากเดิม ในตอนนั้นฉันจะรู้สึกอย่างไรกันนะ?
    ถ้าหากว่าแววตานั้นยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่เราอยู่ด้วยกัน และเหมือนเมื่อคืนวันหิมะโปรยปรายบนดาดฟ้าของห้องเก็บเหล้านั่น บางทีฉันอาจจะสิ้นลมอย่างมีความสุขก็เป็นได้
    สิ่งที่ฉันอยากจะได้มากที่สุดในวันคริสมาส
    ก็คือการได้พบกับนาย...
    แล้วถามนายว่า นายยังอยากจะยิงฉันด้วยความรู้สึกเดิมอยู่ไหม?
    ...ยิน...
    ความรู้สึกของฉันขุ่นมัวขึ้นมา ราวกับตนเองเป็นผู้ไปคนกรวดหินที่ตกตะกอนอยู่ใต้น้ำ ฉันลุกขึ้นเดินเพื่อจะออกไปนอกบ้าน เวลานี้ก็เริ่มค่ำแล้ว ไม่ใช่เวลาที่เด็กตัวเล็กๆ จะออกไปไหนมาไหนคนเดียว และฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนด้วย แต่อย่างน้อยที่สุด ฉันก็ไม่อยากจะอยู่เฉยๆ เพื่อคิดอะไรฟุ้งซ่านไปคนเดียว ฉันบอกด๊อกเตอร์อย่างไม่ใส่ใจนักแล้วเดินออกไปนอกบ้าน แม้จะรู้ว่าด๊อกเตอร์มองตามฉันด้วยความเป็นห่วงจนสุดสายตา...

---------------------------

    เวลาค่ำได้มาเยือน ดวงจันทราก้าวย่างขึ้นสู่ฟากฟ้าและส่องแสงนวล เวลาของพวกเราเริ่มต้นขึ้นแล้ว... ถ้าไม่ใช่เพราะเทศกาลรื่นเริงนี่ที่ช่วงชิงเอาความมืดมิดไป หลังจากงานเจรจาน่าเบื่อ ฉันก็ไล่ให้ลูกน้องคนสนิทกลับไป ส่วนตนเองก็มาอยู่ท่ามกลางแสงสีของเมือง ในเมืองที่เคยได้เจอกับเธอ ราวกับมีความหวังบ้าๆ อยู่ในใจว่าจะได้พบร่างของเธอเดินอยู่ในแสงสว่างเหล่านี้ เธอที่เหมือนกับเปลวเทียน อ่อนไหว และริบหรี่ แต่ก็พยายามจะโชนแสงของตนเองให้สว่างไสว แม้ในครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน...
    ครั้งสุดท้าย...?
    เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในอกกลับรุ่มร้อนขึ้นราวกับเปลวเทียนได้กลายเป็นกองเพลิงสุมอยู่ในอกของฉัน
    ใช่แล้ว ครั้งสุดท้ายที่เจอกันบนดาดฟ้าของตึกเก็บของของโรงแรม หิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่ร่วงโรยลงบนพื้น กับหยดเลือดสีแดงฉานของเธอที่แต่งแต้มลวดลายลงบนพื้นผ้าสีขาวสะอาดนั้น เธอยังคงเหมือนเปลวเทียนที่อ่อนแรง แค่เพียงฉันเป่าเบาๆ ก็คงดับไป แต่ในตอนนั้นเธอกลับจากฉันไปพร้อมกับผู้ชาย พร้อมกับที่เธอและไอ้หมอนั่นราดน้ำมันแล้วจุดไฟลงบนความรู้สึกของฉัน
    จิตใจที่มันควรจะเย็นยะเยือกเสียจนไม่รู้สึกอะไร กลับรู้สึกร้อนรุ่มด้วยไฟริษยา
    ใช่... เธอเป็นของของฉัน
    ถ้าหากวันนี้เป็นวันที่ทุกคนจะได้รับสิ่งที่ตนเองอยากได้ล่ะก็
    ฉันอยากได้ของที่เป็นของฉันกลับมาเท่านั้น
    เพื่อที่ฉันจะได้แน่ใจว่า เธอยังคงเป็นเปลวเทียนที่ส่องสว่างให้ฉัน หรือกลายเป็นกองไฟที่พร้อมจะมอดไหม้ตัวของฉันไปแล้วกันแน่?
    ...เชอรี่...
    ถ้าหากเธอยังคงเป็นเปลวเทียนที่ยังคงใกล้มอด
    ฉันคนนี้จะเป็นคนดับเธอเอง
    เปลวไฟส่องสว่างขึ้นจากไม้ขีดที่ถูกจุด จากนั้นจึงกลายเป็นเพียงแสงสีแดงระเรื่อตรงปลายของบุหรี่ ฉันลงนั่งด้านข้างของต้นคริสมาสขนาดไม่ใหญ่มากที่ถูกประดับเอาไว้กลางลานกว้าง ผู้คนรอบข้างสัญจรไปมายังคงอยู่ในบรรยากาศความสุขของคริสมาส โดยไม่มีใครสนใจความมืดสีดำที่ปรากฏอยู่ท่ามกลางแสงแห่งความสุขนั้นเลย

--------------------------

    แสงไฟประดับส่องแสงเป็นประกายอย่างงดงามตัดกับความมืดในยามค่ำคืน เมื่อราตรีมาเยือนภาพของครอบครัวก็ลดน้อยลง กลายเป็นคู่รักที่เดินพร่ำพลอดกันตามท้องถนน ภาพของชายหญิงควงแขน จับมือกัน บางคู่ก็ถึงกับกอดจูบลูบไล้ ทำให้ฉันคิดถึงความสัมพันธ์ของ "เรา" เมื่อก่อน... ไม่มีความสัมพันธ์ที่แสนหวานระหว่างเรา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเพียงความเอาแต่ใจของเขา เขาที่ต้องได้ทุกสิ่งที่อยากได้ และจะทำลายทุกสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา แต่นั่นกลับยิ่งดึงดูดฉันให้เข้าหาและตกอยู่ใต้บัญชาของเขา ในเวลาแบบนั้นแววตาของเขาที่จับจ้องมาที่ฉันทำให้ฉันรู้สึกได้ว่า ตนเองกำลังมีชีวิตอยู่
    ลานกว้างกลางเมืองถูกประดับด้วยต้นคริสมาสขนาดไม่ใหญ่มาก ความกว้างของส่วนลำต้นไม่ได้กว้างกว่าร่างกายของผู้ใหญ่เท่าใดนัก ฉันลงนั่งเอนหลังให้กับต้นไม้ เหม่อมองไปยังร่างของผู้คนที่เดินเข้าออกห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ห่างออกไป หน้าห้างมีชายในชุดซานตาครอสเดินทักทายเด็กๆ ที่กำลังกลับบ้านกับครอบครัวพร้อมกับส่งถุงขนมถุงเล็กๆ ให้ ถ้าเป็นเด็ก ของขวัญเพียงเท่านี้ก็คงทำให้ดีใจได้ แต่ฉันเองเป็นเด็กเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น จิตใจ ความรู้สึก ความนึกคิด และความทรงจำ ยังเป็นของมิยาโนะ ชิโฮะ หรือ "เชอรี่" ฉันไม่อยากได้ขนมนั่น หรืออะไรมากมายสำหรับคริสมาส
    สิ่งที่ฉันอยากได้ มีเพียงปาฏิหาริย์เพียงอย่างเดียว
    ฉันก้มลงมองโทรศัพท์มือถือในมือที่กำแน่นจนเริ่มสั่น
    ถ้าต้องการ เพียงกดลงไป ก็จะได้ยินเสียงนั้นอย่างแน่นอน
    แต่สิ่งที่จะตามมานั้น อาจจะเป็นความตายที่เยือกเย็น และคงไม่จบลงที่ความตายของตนเองเพียงเท่านั้นอีกด้วย
    ทันใดนั้นฉันก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะกลิ่นหนึ่งที่ลอยมาตามอากาศ กลิ่นของบุหรี่นอกที่หาในประเทศได้ยาก และเป็นกลิ่นที่ "เขา" ชื่นชอบ ก่อนที่เสียงกดปุ่มโทรศัพท์มือถือจะตามมาเป็นเพลง "นานะสึโนะโกะ"
    ฉันสะดุ้งนั่งนิ่ง ร่างกายเย็นวาบ ในขณะที่หัวใจกลับเต้นระรัวเสียจนเหงื่อไหลริน ฉันค่อยๆ เหลือบมองไปรอบตัว ตามหาที่มาของเสียงและกลิ่นนั้น ก่อนจะพบเงาดำอยู่อีกด้านหนึ่งของต้นคริสมาสที่ตนเองนั่งอยู่
    ไม่เป็นไร อยู่ตรงนี้เขามองไม่เห็นเราแน่
    เมื่อรู้สึกเช่นนั้น คำขอภายในใจลึกๆ เมื่อครู่ก็ลอยฟุ้งขึ้นมา...
    เสียงเพลงจากลำโพงสาธารณะรอบลานกว้างก็ดังขึ้น

    "Make my wish come true
    All I want for Christmas is...You"

    นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดี แต่ถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบสิ้น...
    
--------------------------

    ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาเคล้ากับดวงไฟและเสียงดนตรีแห่งความสุขสันต์นั้นไม่มีแม้แต่เงาของเธออยู่ แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น และฉันเองก็รู้อยู่แล้ว ในเมืองที่เคยพบเธออีกครั้ง และได้ฝากรอยแผลให้กับร่างกายที่แสนบอบบาง เธอคงไม่มาแสดงตัวที่นี่อีก ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เธอคงไม่ยอมแสดงตัวต่อหน้าของฉันอีก ปืนที่ซุกอยู่ใต้เสื้อโค้ทเป็นปืนกระบอกเดียวกับที่ปล่อยกระสุนผ่านร่างกายให้เลือดไหลกระเซ็นออกมา เราสองคนเป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่เคยมีคำมั่นหรือสัญญาใดๆ ต่างฝ่ายต่างรู้ว่า เราคงใช้ชีวิตโดยได้ประโยชน์อะไรบางอย่างจาก "ตัวตน" ของกันและกัน สำหรับเธอ ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน แต่สิ่งที่ฉันต้องการจากเธอคือ รอยยิ้มที่เหมือนเย้ยหยัน สายตาที่คมกริบ แต่บางครั้งกลับแฝงด้วยความสดใสไร้เดียงสาอย่างเด็กสาววัยรุ่น ตัวตนของเธอที่เหมือนดังแสงไฟเพียงริบหรี่ ส่องเพียงให้เห็นเงาลางของฝ่ามือของฉันในองค์กรที่มืดมิด...
    เสียงเพลงคริสมาสกับเสียงหัวเราะของคนยังระคนกันไป ค่ำคืนได้ย่างกรายเข้าสู่เมืองนี้แล้ว แสงไฟต่างๆ รอบข้างเริ่มดูเจิดจ้าเกินไป 

    "Santa won't you bring me the one I really need
    Won't you please bring my baby to me..."

    อยู่ที่นี่ไปคงไม่ได้อะไร เพราะสิ่งที่ฉันต้องการ ไม่ว่าจะเป็นซานตาครอส เซนต์นิโคลัส หรือแม้แต่พระเจ้าก็คงมอบให้ไม่ได้
    เพราะฉันเป็นคนทำลายมันเอง และเมื่อได้พบเธออีกครั้ง ฉันก็คงเลือกที่จะเป็นคนดับลมหายใจของเธอเองด้วย
    สิ่งที่ฉันไม่ชอบ ฉันจะทำลายมันซะ 
    รวมถึงสิ่งที่ฉันรัก แต่ไม่ได้มาครอบครองด้วย...
    ก้นบุหรี่ที่กลายเป็นขี้เถ้าสีเทาหม่นค่อยร่วงหล่นลงบนพื้น ปลายบุหรี่อีกด้านเหลืออีกไม่มาก หมดมวนนี้แล้วก็คงหมดธุระกับที่นี่... เพื่อกลับไปยังสถานที่ที่แสนมืดมิดเสียจนมองไม่เห็นแม้แต่ตัวเอง
    ฉันยกมือขึ้นหยิบบุหรี่ในปากออกมากดลงกับด้านข้างที่ตนเองนั่งอยู่ แต่แล้วก็ ต้องสะดุดตากับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกวางไว้... ตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็มีตัวอักษรเขียนไว้ด้วยลายมือที่คุ้นเคย

    "ฉันขอแค่คืนนี้จะได้ไหม?"

    เลือดในตัวก็พุ่งพล่านขึ้นมาเพราะเจ้าของลายมือนี้ก็คือสิ่งที่ซานตาครอสไม่อาจมอบให้ได้ ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นมองหาผู้ส่งสารนี้ สายตาก็เหลือบไปเห็นข้อความด้านล่าง

    "ถ้าได้ ก็อย่ามองหาฉัน แล้วเขียนตอบมาในกระดาษ วางไว้ที่ด้านหลังของนาย"
    ฉันนิ่งอยู่เพียงแว่บเดียว ก่อนจะหยิบปากกาที่วางอยู่ใกล้ๆกัน เขียนข้อความลงไป
    
--------------------------
    
    มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนักแต่ว่าไม่มีทางเลือกแล้ว ได้มาเจอในที่แบบนี้ ถ้าหากปล่อยไปก็คงไม่ได้เจอกันอีก นอกจากจะเป็นเวลาตายของฉัน ส่วนสิ่งของที่มีอยู่ในมือก็ทำอะไรไม่ได้ มีเพียงกระดาษโน้ตกับปากกาเท่านั้นที่พอจะเป็นสื่อบอกความรู้สึกของฉันได้ ฉันได้แต่หวังในใจว่าในวันแบบนี้ เขาจะมีความรู้สึกไม่ต่างจากฉันมาก... ฉันค่อยๆหันหลังกลับไปช้าๆ โดยภาวนาว่าจะไม่มีกระบอกปืนรออยู่
    กระดาษสีขาวมีรอยปากกาเพิ่มขึ้น

    "อา"

    สั้นๆ สมกับเป็นเขา
    ฉันอดยิ้มเล็กๆ กับตัวเองไม่ได้ก่อนจะเขียนข้อความลงไป

    "ฉันเชื่อใจนายได้แน่นะ?"
    
    กระดาษถูกเขียนตอบกลัมาอีกครั้ง

    "แค่สำหรับเธอ และสำหรับคืนนี้เท่านั้น"

    "พูดจาดีๆ ก็เป็นเหมือนกันนี่"

    "เธอเองก็ยังปากร้ายเหมือนเดิมนะ"

    "สบายดีหรือเปล่า... แต่ถึงจะไม่ถามฉันก็รู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ"

    "แล้วเธอล่ะ แผลที่ฉันมอบให้ยังอยู่ดีรึเปล่า?"

    "ดีที่ฉันยังอยู่ในวัยเจริญเติบโต แผลมันก็เลยหายไปเรียบร้อย" 

    กระดาษที่ถูกส่งเงียบหายไปพักหนึ่ง จนทำให้ฉันกังวลถึงความปลอดภัยของตนเอง แต่แล้วกระดาษก็ถูกวางลงอีกครั้ง

    "...ฉันอยากเจอเธอ เชอรี่..."

    มือของฉันที่จับกระดาษอยู่สั่นจนกระดาษแทบจะหลุดออกจากมือ

--------------------------

    "ไม่ได้ นายเองก็เข้าใจว่าตอนนี้สถานะของเราเป็นแบบไหน"
    ในกระดาษมีข้อความเขียนมาว่าแบบนั้น ยัยคนนี้ยังคงทำตัวแข้มแข็งไม่ต่างจากเดิม แต่ตัวอักษรกลับแสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ฉันจรดปากกาเขียนตอบกลับไป

    "เธอเองก็อยากเจอฉันไม่ใช่หรือไง?"
    
    กว่ากระดาษจะถูกส่งกลับมาในครั้งนี้ใช้เวลามากกว่าครั้งก่อน และตัวหนังสือที่ตอบกลับมาก็สั่นไหวกว่าเดิม

    "ไม่ได้... ถึงฉันจะอยากเจอนายก็ตาม..."

    ฉันส่งเสียงหัวเราะออกมาเพื่อให้เธอได้ยินด้วย ก่อนจะส่งกระดาษกลับไป

    "แค่ฉันได้รู้ว่าเธอยังเหมือนเดิม แค่นี้ก็พอใจแล้ว"

--------------------------

    เมื่อเห็นคำตอบของฉันทำให้ฉันอดเจ็บใจขึ้นมาไม่ได้
    "คนบ้า"
    ฉันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเพื่อไม่ให้มือสั่นเทาอีกต่อไป แล้วจึงจับปากกาแน่น

    "แล้วนายล่ะ...?"

    หลังจากกระดาษถูกหยิบไป เสียงหัวเราะของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือแม้แต่ตอนนี้ ก็เหมือนถูกเขาเล่นสนุกอยู่เสมอ

    "ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันยังอยากฆ่าเธออยู่เหมือนเดิม"

    เป็นคำตอบที่สมกับเป็นเขาจริงๆ ฉันเผลอยิ้มออกมา
    ใจจริงฉันเองก็อยากจะส่งเสียงหัวเราะให้เขาได้ยินบ้าง แต่ด้วยร่างกายแบบนี้คงไม่อาจทำได้ ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพร่างกายเปลี่ยนไปขนาดนี้ ก็คงมีวิธีอื่นที่จะติดต่อกับเขาได้ รวมไปถึงการโผเข้าหาเขา ก่อนจะแลกกระสุนกันสักสองสามนัดก่อนจากกันพร้อมรอยสลักสีแดงฉานราวกับจะไม่มีวันเลือนหายไป
    ฉันหยิบกระดาษแผ่นใหม่ออกมา
    อยู่นานเกินไปคงจะไม่ดี นี่ก็มืดมากแล้วสำหรับร่างกายเล็กๆ ของฉัน 
    เวลาแห่งการจากลามาถึงแล้ว
    แม้ว่าเวลาแห่งการพบพานจะพึ่งมาเยือนก็ตาม
    
--------------------------

    "ฉันต้องไปแล้ว"

    เนื้อความในกระดาษเขียนมาเพียงสั้นๆ แต่กลับทำให้ใจหายขึ้นมาได้ไม่น้อย ทั้งที่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่า เราสองคนไม่สามารถกลับไปเป็นเช่นเดิมได้อีก ตั้งแต่ตอนนั้นเราสองคนก็ไม่อาจอยู่ร่วมโลกด้วยกันได้อีก 
    ต้องมีใครสักคนอยู่ และใครอีกคนตาย
    มือข้างหนึ่งเผลอเอื้อมเข้าไปกำปืนที่เก็บอยู่ใต้เสื้อคลุมสีดำเมี่ยมโดยไม่รู้ตัว
    ถ้าหันกลับไป แล้วยิงทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนี้...
    ก่อนที่ความคิดจะยิ่งเลยเถิดไปไกล กระดาษโน้ตอีกใบกลับถูกส่งมา

    "เจอกันครั้งหน้า ไม่ฉันก็นายต้องหมดลมหายใจ"

    เธอเองก็คิดในเรื่องเดียวกัน
    สายตาของฉันเลื่อนลงไปยังอักษรที่เรียงอยู่อีกบรรทัดหนึ่ง

    "...แต่ฉันจะรอวันที่จะได้เจอกับนายอีก"

    ฉันยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ ก่อนจะตอบลงไปในกระดาษ

--------------------------

    "เธอยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ เพราะงั้นฉันถึงได้..."

    ข้อความในกระดาษจบลงเพียงแค่นั้น แต่สิ่งที่เขาไม่ได้เขียนมา ฉันเข้าใจความหมายของมันได้อย่างดี เพราะนั่นคือ "ความสัมพันธ์" ของเรา
    ฉันจงใจหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาแล้วเขียนอักษรลงไป แม้ว่าแผ่นเดิมนั้นจะยังมีพื้นที่พอให้เขียนได้อยู่

    "ฉันเองก็ ... นายเหมือนกัน"

    คำที่สำคัญคำนั้นไม่ได้ถูกเขียนออกไป เพราะเราต่างรู้ว่าเราไม่สามารถพูดคำๆ นั้นออกไปได้ 
    และเราต่างก็ไม่เหมาะสม ไม่คู่ควรกับคำๆ นั้นอีกด้วย

--------------------------

    แสงไฟหลากสีระยิบระยัยรอบลานกว้างเริ่มจางหายไปจากการทยอยกันปิดของร้านรวงต่างๆ เสียงเพลงคริสมาสหลายเพลงจบลงด้วยทำนองที่สนุกสนานกับเนื้อเพลงที่แฝงด้วยความเศร้าเหงาของเพลง "All i want for Christmas is you" ร่างของชายหนุ่มตัวสูง ผมยาวเหยียดสีเงินตัดกับชุดของเขาที่สีดำมืด และร่างของเด็กผู้หญิงตัวเล็กวัยประถมกับผมสีน้ำตาลออกแดง ลุกขึ้นจากคนละฝั่งของต้นคริสมาสเขียวเข้มที่แต่งแต้มสีสันด้วยเครื่องประดับนานา ในมือของทั้งสองต่างกำแผ่นกระดาษใบหนึ่งไว้ในมือราวกับเป็นของขวัญคริสมาสอันล้ำค่า แล้วจึงออกเดินมุ่งหน้ากันไปคนละทางโดยไม่หันหลังกลับไปมองกันและกันแม้แต่ครั้งเดียว 
    ...และลานกว้างนั้นก็เหลือทิ้งไว้เพียงความมืดมิดและหนาวเย็นในฤดูหนาว...
    
============================================
Atogaki!
แต่นแต๊นนนนน 
ฟิคนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพราะอยากให้เชอรี่พูดประโยคเดียวเท่านั้น!!
(อ้าว แสรด!!)
แต่ดันออกมาเป็นเรื่องยาวได้ขนาดนี้ เชื่อเขาเลย =_="
เช่นเรื่องเดิม ก็รู้สึกว่าเขียนออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่
ฟิคนี้คิดหนักมากว่าอิมเมจของสองคนนี้จะเป็นยังไง
เพราะเล่นดาร์คกันทั้งคู่แบบนี้
สุดท้ายเลยเอาแบบออกดาร์คๆ กับ yanderu เล็กๆ
ให้ทั้งสองคนเป็นตัวตนที่จำเป็นต่อการมีตัวตนของอีกฝ่าย 
แต่ต่างฝ่ายก็เอาตัวเองมาก่อน
เป็นฟิคคริสมาสที่ไม่ได้อารมณ์คริสมาสเลย ฮา
ส่วนวิธีที่จะให้สองคนนี้ได้คุยกันก็คิดนานมากกกกก
เพราะต้องหาวิธีที่ดูปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่ด้วย
และวิธีนั้นต้องไม่ให้สองคนได้เจอหน้ากัน แต่แสดงความรู้สึกต่อกันได้
สุดท้ายเลยใช้จดหมายกระดาษเนี่ยแหละ 
มันจะมีวิธีไหนดีกว่านี้ไหมเนี่ย!? 

ส่วนเพลงคริสมาสที่เอาเป็นธีม
ตอนแรกอยากได้เพลงที่มัน traditional 
แต่สงสัยเพราะคู่นี้มันดูดาร์ค และเพลง traditional มักจะออกแนวน่ารัก
เลยหาเพลงตรงใจไม่ได้เลย
ก็เลยต้องเอาเพลงสมัยใหม่
แถมถูกใจแค่เนื้อเพลงอีกต่างหาก =_="
เจ้าคู่นี้นี่!!

สรุป อ่านแล้วเลิฟๆ ไม่เลิฟๆ ไม่รู้เหมือนกัน
ส่วนคนเขียน ลงเสร็จจะอ่านอีกรอบ เผื่อจะแก้อะไร ฮาาา
ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี ^^"

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่า<3

No comments:

Post a Comment