Friday, May 22, 2015

Touken Ranbu Fanfiction - Kogitsunemaru x Mikazuki Munechika - 狐の嫁入り//จิ้งจอกรับเจ้าสาว ตอนที่ 7

Touken Ranbu Fanfiction - Kogitsunemaru x Mikazuki Munechika - 
狐の嫁入り//จิ้งจอกรับเจ้าสาว

ตอนที่ 7 :
คืนนั้นทั้งคืน มิคาสึกิไม่ได้กลับมายังห้องนอนของเขาและโคกิทสึเนะเลยจริงๆ
จิ้งจอกหนุ่มรู้สึกสิ้นหวังกับความสัมพันธ์ของตนเองกับอดีตน้องชาย
จึงได้แต่สงบเสงี่ยม ไม่พูดถึงเรื่องราวในคืนนั้นอีก

ใช่แล้ว "อดีต" น้องชาย ที่เป็นคนทำให้เขาไม่สามารถมองคนคนนั้นในฐานะน้องชายได้อีก
แต่ตัวคนคนนั้นกลับไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
แล้วปล่อยให้จิ้งจอกตัวหนึ่งต้องทนเจ็บปวดกับบ่วงที่รัดแน่นเสียจนแทบหายใจไม่ออก
เขาว่าจิ้งจอกนั้นเล่ห์ร้าย
แต่จิ้งจอกตัวนี้กลับโดน "อดีต" น้องชายที่รักล้อเล่นเอาเสียจนเจ็บปวดไปหมด

ส่วนทางด้านน้องชายเจ้าตัวดี
หลังจากคืนวันนั้นก็ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเลย
แม้ว่าเขาจะทำตัวเหมือนกับปกติทุกอย่าง
แต่กลับพยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับโคกิทสึเนะสองต่อสอง
และไม่ยอมมองหน้าของเขาให้ชัดๆ
แม้จะร่วมห้องกัน แต่มิคาสึกิต้องรีบปลีกตัวไปนอนก่อนเสมอ
รวมถึงแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันนอกเสียจากการทักทาย


สองสามวันแล้วที่บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนดูอึมครึมเช่นเดียวกับฟ้าในวันนี้
แต่เช้าแล้วที่เมฆครึ้มเข้าบดบังแสงอาทิตย์จนท้องฟ้ากลายเป็นสีเทา
พอถึงเวลาบ่ายเม็ดฝนก็โรยตัวลงจากฟากฟ้าพร้อมกับเสียงคำรามครืน
และก่อนถึงเวลาอาหารเย็นไม่นาน ซานิวะกับทัพที่ออกเดินทางไปก็กลับมาด้วยเนื้อตัวเปียกปอน
ทันทีที่สมาชิกเดินเข้ามาในฮงมารุ โชคุไดคิริมิตสึทาดะก็ส่งสัญญาณให้เหล่าเด็กๆ มีดสั้นรีบนำเอาผ้าขนหนูหลายผืนไปให้กับสมาชิกทั้งหลายได้รีบเช็ดเนื้อเช็ดตัว ก่อนที่จะมีน้ำชาอุ่นๆ บริการ และห้องอาบน้ำที่เตรียมเอาไว้พร้อม

ซานิวะสาวเดินเข้ามาพร้อมกับเอาผ้าขนหนูที่ได้รับเช็ดเนื้อเช็ดตัว แล้วนั่งลงที่โต๊ะเตี้ยใหญ่กลางห้องนั่งเล่นของฮงมารุ ก่อนจะหยิบถ้วยชาอุ่นๆ ที่วางไว้ขึ้นซด
"เฮ่อ ... ฝนดันตกลงมาเสียได้"
นางยืดขาเหยียดออก ถอนหายใจเสียงดังด้วยความเพลียจากการทำงานและจากฝน
"ท่านเจ้านาย เปียกมาเช่นนี้ ท่านควรจะรีบไปอาบน้ำนะขอรับ"
โคกิทสึเนะมารุที่นั่งอยู่อีกข้างของโต๊ะกล่าวทักขึ้น
"เอาน่าๆ ขอพักนิดนึงเถอะ ครั้งนี้เดินทางไกลไปทั้งสองสามวัน กลับมาขอนั่งพักก่อนเถอะ"
นางพูดเสร็จก็ยกน้ำชาขึ้นซดอีกเฮือกหนึ่ง
"ไม่คิดว่าฝนจะตกลงมาเลยนะเนี่ย"
"บางทีฟ้าฝนก็คาดการณ์ไม่ได้เลยนะขอรับ"
จิ้งจอกหนุ่มกล่าวสนับสนุนเจ้านายหญิงของตน
"ยังดีที่ฝนตั้งเค้าแต่เช้า พวกเราเลยรีบออกเดินทางกลับกัน ขืนต้องรบกับพวกนั้นระหว่างฝนตกมีหวังแย่แน่"
นางพูดพลางหยิบผ้าขึ้นเช็ดน้ำที่ชุ่มอยู่ในเรือนผมสีดำขลับยาวของนาง
"ฮะ ฮะ ฝนมักไม่ค่อยตกลงมาโดยไม่มีเค้าลางหรอกขอรับ นอกเสียจาก ..."
จิ้งจอกหยอกเย้าเจ้านายของตนต่อไป แต่ก็ต้องหยุดปากเมื่อกำลังจะพลั้งพูดอะไรออกไป แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คู่สนทนาของเขาเดาเรื่องต่อได้
"นอกเสียจากฝนแต่งงานของจิ้งจอกสิน้า ฝนตกลงมาระหว่างแดดออก ก็มีโอกาสเห็นรุ้งเยอะซะด้วยสิ ..."
ซานิวะพูดออกมาอย่างร่าเริง แล้วนางก็เอียงคอเหมือนคิดอะไรได้
"นั่นสินะ โคกิทสึเนะมารุ"
"ขอรับ?"
โคกิทสึเนะมารุรับคำ โดยสังหรณ์ใจได้ถึงอะไรบางอย่าง
"เขาบอกว่าฝนตกตอนแดดออก แปลว่าจิ้งจอกแต่งงาน มันเป็นความจริงหรือเปล่าล่ะ? โคกิทสึเนะมารุ"
คำถามที่นางเอ่ยขึ้นมาเป็นคำถามเดียวกับที่เขาเคยถูกถามเมื่อในอดีตที่แสนยาวนานและชวนให้คิดถึง
ชายหนุ่มไม่ตอบแล้วแกล้งเฉไฉ
"นั่นสินะขอรับ ตัวข้าเป็นดาบที่ได้รับอำนาจจากเทพจิ้งจอกเท่านั้น ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน"
"อย่างนั้นเหรอ ... บางทีข้าควรจะไปถามคนโนะสุเกะสินะ ..."
ซานิวะพึมพำเบาๆ กับตัวนางเอก ก่อนจะหันมายิ้มให้กับจิ้งจอกหนุ่ม
"ตอนโคกิทสึเนะมารุแต่งงาน ฝนจะตกไหมน้อ?"
จิ้งจอกหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ ออกมา
"ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าถูกถามเช่นนี้นะขอรับ"

คำตอบของเขาทำให้ซานิวะยิ้มน้อยๆ ออกมา
แต่กลับสร้างรอยขมวดย่นระหว่างคิ้วโค้งคมของคนงามที่นั่งอ่านหนังสือจิบชาอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

ก่อนที่ซานิวะจะมีโอกาสได้ต่อบทสนทนา ประตูห้องก็ถูกเลื่อนเปิดออกอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงในชุดสีดำพร้อมกับผ้าคาดตาส่งเสียงด้วยความโมโห
"ท่านซานิวะ! ท่านเปียกปอนกลับมาเช่นนั้น! ท่านควรจะรีบไปอาบน้ำเสีย ไม่งั้นจะไม่สบายเอานะ!"
แม้จะเป็นน้ำเสียงโกรธ แต่ก็โกรธด้วยความเป็นห่วง
ซานิวะสาวรู้ดีถึงสิ่งนั้น จึงหัวเราะแฮะๆ แล้วลุกขึ้นออกนอกห้องเพื่อไปอาบน้ำตามคำสั่งของโชคุไดคิริมิตสึ

เมื่อซานิวะออกไป ภายในห้องนั่งเล่นที่มีโคกิทสึเนะและมิคาสึกินั่งอยู่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ

หลังจากมื้ออาหารหม้อไฟที่ช่วยสร้างความอบอุ่น เมนูเด็ดที่ได้โชคุไดคิริมิตสึและเฮชิคิริฮาเซเบปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อคลายเหนื่อยและคลายหนาวให้กับเหล่าดาบที่พึ่งกลับจากสมรภูมิฝน
จิ้งจอกหนุ่มเดินกับห้องพร้อมกับเจ้าจันทร์เสี้ยว
ทั้งสองคนพักอยู่ห้องเดียวกัน แน่นอนว่าย่อมต้องกลับทางเดียวกันอย่างเสียไม่ได้
พระจันทร์ด้านนอกส่องแสงสาดลงมาบนทางเดิน ให้ความสว่างมากพอที่จะมองเห็นใบหน้าของกันและกันได้
แต่ทั้งสองกลับไม่มองหน้ากัน และไม่มีแม้แต่เสียงพูดจาใดๆ เกิดขึ้น

พอถึงหัวเลี้ยวก่อนจะถึงหน้าห้องของทั้งสอง
มิคาสึกิมุเนจิกะก็เอ่ยปากทำลายความเงียบงันที่เงียบเหงาขึ้นมา

"... เจ้าจำได้งั้นหรือ? ..."

คำถามที่ฟังดูเลื่อนลอยแต่เป็นที่เข้าใจกันระหว่างสองคน
โคกิทสึเนะมารุเลิกตาขึ้นด้วยความตกใจกับคำถามที่ไม่คิดว่าจะถูกถาม
ฝีเท้าของทั้งสองหยุด และหันมองหน้ากัน
ชายร่างสูงกว่ามองเข้าไปในดวงตาที่ส่องประกายจันทร์เสี้ยวของชายร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้า

"... นั่นควรจะเป็นคำถามของข้ามากกว่า ..."
แววตาของมิคาสึกิเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่แววตาของโคกิทสึเนะกลับเต็มไปด้วยความกังวล
"ข้าไม่เคยลืมมันเลย ... มิคาสึกิ ..."

นวลหน้างามของจันทราผันหนี เบือนหลบ ไม่สบตา
แต่น้ำเสียงของเขาพอทำให้รู้ได้ว่ามีความหวั่นไหวเจืออยู่
"ข้าหลงคิดว่าเจ้าจะลืมมันไปเสียหมดแล้ว ... ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่เราจากกัน"
จิ้งจอกหนุ่มขยับมือขึ้นสัมผัสแก้มของอีกฝ่าย ก่อนจะออกแรงเบาๆ เพื่อบังคับให้ใบหน้านั้นเงยขึ้นสบสายตากับเขา
"มิคาสึกิ ข้าไม่มีวันลืมเรื่องของเจ้าได้ ..."
แววตาจันทร์เสี้ยวหรี่ลงจนจันทร์แทบจะถูกบดบังมิด
"... โคกิทสึเนะมารุ ..."

จู่ๆ เสียงโครมครามตึงตังก็ดังขึ้นจากทางเดินที่เขาทั้งสองพึ่งเดินมา
แล้วเสียงเรียกชื่อที่ดังก่อนเห็นตัวก็สะท้อนมาแต่ไกลอีกครั้ง
"มิคาสึกิ~~~!!!!"
เจ้าของเสียงที่ประดับกายด้วยสีขาวล้วนวิ่งโผเข้ามาหาทั้งสอง แล้วหยุดยืนที่ข้างๆ มิคาสึกิมุเนะจิกะ ก่อนจะส่งเสียงอ้าวขึ้นมาราวกับเทปม้วนเดิม

"อ้าว? โคกิทสึเนะมารุก็อยู่ด้วยเหรอ?"

1 comment:

  1. ใครก็ได้จับกระเรียนไปย่างที!!!!!!!!!! Y_Y

    ReplyDelete