Touken Ranbu Fanfiction - Kogitsunemaru x Mikazuki Munechika -
狐の嫁入り//จิ้งจอกรับเจ้าสาว
ตอนที่ 4 :
หากกระเรียนเป็นนกที่มีลำคอเรียวยาวยืด
ตัวจิ้งจอกหนุ่มเองก็อยากจะหักมันเสียที่ยื่นล้ำเข้ามาขวางทางของเขา
โคกิทสึเนะมารุกับมิคาสึกิมุเนะจิกะใช้ห้องพักร่วมกัน
ในขณะที่มิคาสึกิได้รับการดูแลประคบประหงมอย่างดีมาตลอดจนแต่งตัวเองยังทำไม่ถนัด โคกิทสึเนะจึงรับหน้าที่ช่วยเรื่องการแต่งตัวของเขา
ในทางกลับกัน มิคาสึกิก็รับหน้าที่สางผมที่จิ้งจอกหนุ่มภูมิใจเป็นอย่างมากในทุกๆ วัน
ในวันหยุดพักผ่อนที่แสงแดดอ่อนกำลังสบายส่องลงมา
โคกิทสึเนะมารุแต่งตัวลำลองให้กับมิคาสึกิเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และทั้งสองคนก็ย้ายมานั่งที่ระเบียงทางเดินหน้าห้องที่มีสายลมอ่อนพัดผ่าน
มิคาสึกิใช้หวีในมือค่อยหวีผมสีเงินยาวไล่ไปตามแผ่นหลังเข้มแข็ง
มืออีกข้างหนึ่งของเขาพลางลูบเรือนผมที่แสนนุ่มของชายหนุ่มอีกคนอย่างเบามือ
"ผมของเจ้ายังงดงามและนุ่มสลวยไม่มีเปลี่ยน"
เสียงใสดังขึ้นจากด้านหลังของโคกิทสึเนะมารุทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา
แม้มิคาสึกิจะไม่เห็น แต่จิ้งจอกหนุ่มก็ยิ้มแป้นราวกับกลายเป็นจิ้งจอกน้อย
หากเขามีหาง ตอนนี้มันคงปัดสะบัดอย่างเริงร่าเลยทีเดียว
"แน่นอนล่ะ นี่เป็นผมที่ข้าภูมิใจเลยทีเดียว ท่านเจ้านายเองก็บอกว่าชอบมันด้วย"
มือของชายผู้มีนามของดวงจันทร์ยังคงไล้ไปกับเรือนผมพลางหัวเราะเบาๆ
"ฮะฮะ ข้าเองก็ชอบผมของเจ้าเช่นกัน"
"งั้นรึ ข้าเองก็ชอบให้เจ้าหวีผมให้ข้าเช่นนี้"
บทสนทนาที่ต่อเนื่องไปอย่างเป็นธรรมชาติไหลลื่นไปจนถึงตรงนี้ แล้วจิ้งจอกหนุ่มก็สะดุ้งเล็กน้อยเสียจนมิคาสึกิไม่ทันสังเกต
รอยยิ้มบนใบหน้าของโคกิทสึเนะหายไป กลายเป็นรอยขมวดย่นระหว่างคิ้ว
เขาครุ่นคิดเพียงนิด แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง
"คนที่ข้ายอมให้สัมผัสเรือนผมเช่นนี้มีแต่... ท่านเจ้านาย กับ เจ้าเท่านั้นนะ ... มิคาสึกิ ..."
"เอ๋?"
มิคาสึกิส่งเสียงด้วยความแปลกใจออกมา มือที่สางผมอยู่ค่อยๆ ช้าจนหยุดลง
มีเพียงเสียงสายลมแว่วผ่านระหว่างทั้งสอง
โคกิทสึเนะมารุค่อยๆ หันกลับไปยังเจ้าของมือเรียวงามที่สัมผัสผมของตนเอง
มิคาสึกิมองเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยแต่มีรอยยิ้มบางเปื้อนบนหน้า
"มิคาสึกิ... ข้า..."
มือแกร่งของชายหนุ่มจับซ้อนสัมผัสกับฝ่ามือบางนวล แววตาสีทับทิมของเขาส่องประกายจ้องมองไปในไพลินสีครามประดับจันทร์เสี้ยว ใบหน้าของเขาก็พลอยถูกแต่งแต้มด้วยสีเลือดฝาดเพียงอ่อนๆ
และตอนนั้นเอง ...
"มิคาสึกิ!! ข้ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย!! ... อ้าว?"
คนอะไรมีเสียงดังออกมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าก่อนจะเห็นตัวเสียอีก
ร่างบางในชุดขาวสะอาดกับชายแขนเสื้อยาวพริ้วไปกับแรงวิ่งปรากฎขึ้นจากหัวมุม
ทสึรุมารุคุนินางะกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดมายังข้างกายของมิคาสึกิ ก่อนที่จะหันไปอ้าวกับจิ้งจอกที่กำลังจ้องเขม็งราวกับจะขู่คำราม
"โคกิทสึเนะมารุก็อยู่ด้วยเหรอ?"
"ข้าอยู่แล้วจะทำไม"
โคกิทสึเนะพูดด้วยเสียงต่ำในลำคอราวกับมีเสียงขู่ดังออกมาด้วย
กระเรียนขาวหันหน้ามองดวงจันทร์และจิ้งจอกสลับกันไปมา ก่อนจะพูดปนเสียงหัวเราะออกมาว่า
"ข้ามีธุระจะคุยกับมิคาสึกิหน่อยน่ะ"
น้ำเสียงเขาลดเบาลงเล็กน้อยราวกับมีความเกรงใจอยู่บ้าง
"เจ้าออกไปก่อนได้ไหม?"
แม้น้ำเสียงจะเบาลง แต่ทำให้ความหงุดหงิดของโคกิทสึเนะมารุพุ่งทะยานปรี๊ดขึ้นมา
"แต่ข้า!!"
ทสึรุมารุไม่ฟังคำตอบของจิ้งจอก กลับหันไปสบตาอ้อนวอนต่อดวงจันทร์แทน
มิคาสึกิหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วโบกมือไหวช้าๆ
"โคกิทสึเนะมารุ เจ้าช่วยออกไปก่อนได้ไหม?"
เมื่อคำพูดเดียวกัน แต่หลุดออกมาจากปากคนละคน กลับทำให้รู้สึกต่างกันคนละขั้วได้อย่างประหลาด
ความโกรธที่พุ่งถึงขีดสุดทิ้งตัวตกลงวูบกลายเป็นความเศร้าและน้อยเนื้อต่ำใจ
หากเขามีหาง ตอนนี้มันคงตกลู่นิ่งไปแล้ว
โคกิทสึเนะแค่พยักหน้า ก่อนจะเดินคอตกออกจากระเบียงหน้าห้องตนเองหายลับตาไป
ในใจทั้งนึกน้อยใจต่อมิคาสึกิ
แต่อีกใจหนึ่งก็โกรธเคืองเจ้านกสอดรู้ที่เข้ามาขวางตอนบรรยากาศเป็นใจ
จิ้งจอกไม่ใช่สัตว์ที่ล่านก
แต่หากมันร่วงหล่นลงมา มันก็อยู่ในประเภทเดียวกับ "เนื้อ" ที่ใช้เป็นอาหารได้
โคกิทสึเนะทำได้เพียงแต่คิดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเอง
No comments:
Post a Comment