Sunday, May 24, 2015

Touken Ranbu Fanfiction - Kogitsunemaru x Mikazuki Munechika - 狐の嫁入り//จิ้งจอกรับเจ้าสาว ตอนที่ 6.1

Touken Ranbu Fanfiction - Kogitsunemaru x Mikazuki Munechika - 
狐の嫁入り//จิ้งจอกรับเจ้าสาว

ตอนที่ 6.1 / Side Story:
หมายเหตุ และหมายเหตุ
เนื้อเรื่องตรงนี้เป็น Side Story ของเรื่องหลัก
และจะสปอยล์เรื่องหลักได้
ฉะนั้นหากไม่อยากเสียอรรถรส กรุณาอ่านเรื่องหลักให้จบก่อน
(1-10 และ 11 เป็นบทอัศจรรย์ ฮาาาา)
แล้วค่อยมาอ่านนะจ้ะ

ตอน 6.1 หมายถึงเรื่องนี้เกิดหลังตอนที่ 6 จ้า

มิคาสึกิมุเนจิกะ
ดาบที่กล่าวกันว่างดงามที่สุดในห้าดาบในใต้หล้า
ด้วยความงดงามที่ราวกับไม่ใช่สิ่งของบนโลกใบนี้ ทำให้เขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด

จนตัวเขาเองก็ลืมไปแล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่ต้องวิ่งอย่างตื่นตระหนกแบบนี้ มันกี่ร้อยปีมาแล้วกัน

ใบหน้าที่ร้อนผ่าวและเป็นสีแดงจัด รวมถึงหัวใจที่เต้นแรงจนเจียนระเบิดออกมา
ตัวเขาเป็นที่เป็นเพียงศาสตราวุธไม่น่าจะรู้สึกบีบรัดหัวใจได้ถึงขนาดนี้
ร่างกายเองก็รุ่มร้อนไปหมด
โดยเฉพาะลำคอ ... ที่พึ่งถูกจิ้งจอกใช้กำลังบังคับลิ้มรสชาติหอมหวานของร่างกาย
ช่างน่าแปลกที่ความรู้สึกรุ่มร้อนปลุกเร้าอย่างประหลาดนั้นไม่ทำให้เขารู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย

... ไม่สิ ...
สาเหตุที่เขาไม่รังเกียจนั้น เขารู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ...
แสงนวลของดวงจันทร์ตกกระทบผิวกายที่ปกติแล้วเป็นสีอ่อนราวกับแสงของจันทรา
แต่เวลานี้ผิวนั้นกลับปนแต้มด้วยสีฝาดของเลือดระเรื่อ
มิคาสึกิยกมือขึ้นจับลำคอของตนเอง
สีของเลือดฝาดก็ยิ่งเข้มจัดขึ้นอีก

ฝีเท้าของชายหนุ่มหยุดลงที่หน้าประตูบานเลื่อนไม้ของห้องหนึ่ง
มิคาสึกิสูดลมหายใจลึกเพื่อปรับสีหน้าและจิตใจให้เย็นลง ก่อนจะเลื่อนเปิดประตูเบาๆ
พอประตูเปิดออก เสียงยินดีก็ดังขึ้น
ชายร่างเล็กคนหนึ่งก็เดินออกมาหาเขาที่ประตู
"ต้องขอโทษท่านมิคาสึกิด้วยนะครับ ที่ต้องให้มาดูแลน้องๆ แบบนี้"
พอพูดจบ ยะเกนโทชิโร่ก็ก้มหัวลงเล็กน้อย ให้ปลายผมสีดำสนิทไหว
มิคาสึกิยิ้มให้กับชายตรงหน้า ก่อนจะมองไปยังเด็กๆ พี่น้องโทชิโร่ที่ส่งยิ้มตาแป๋วมองมาที่เขา
"ไม่หรอก ข้าเองก็อยากมาคุยเล่นกับเด็กๆ อยู่แล้ว"
มิคาสึกิเดินเข้ามาในห้องแล้วหันกลับไปปิดประตู
"อิจิโกะฮิโจฟุริเองพึ่งกลับมาจากเดินทางไกล คงจะกำลังเหนื่อยอยู่ ให้เขาได้พักผ่อนบ้างเสียก็ดี"
มิคาสึกิส่งเสียหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ 
แต่ชายข้างๆ ที่เหมือนจะรู้แกวกลับยกมือขึ้นกุมศีรษะ
"กลัวว่าพรุ่งนี้พี่อิจิจะตื่นไม่ไหวเลยมากกว่า ..."

... ทางด้านคนที่ถูกพูดถึง ...
ชายหนุ่มที่แต่งตัวอย่างเรียบร้อยชุดยูกาตะสีขาวนั่งลงกับพื้นและเก็บข้าวของของตนเองหลังจากกลับจากห้องอาบน้ำ ปอยผมสีฟ้าอมเขียวราวกับน้ำทะเลยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ หยาดหยดขยับเคลื่อนมารวมกันก่อนจะทิ้งตัวลงจากปลายผมงามร่วงลงสู่พื้น 
ส่วนเจ้าตัวพอเห็นน้ำหยด ก็รีบคว้าผ้าขนหนูที่คล้องอยู่มาเช็ดผมต่อ
อิจิโกะฮิโตฟุริร้อนใจจะรีบจัดการกับผมชื้นของตัวเองให้เสร็จ จึงใช้ผ้านั้นถูกับเรือนผมของตนเองอย่างรวดเร็ว
จู่ๆ ประตูห้องทางด้านหลังก็ถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ ชายหนุ่มหันควับไปด้วยความตกใจ
ร่างในชุดยูกาตะสีขาวที่สวมใส่อย่างสบายๆ ยืนขวางประตูอยู่ตัดกับสีเข้มของท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เห็นได้ในเบื้องหลัง แล้วเจ้าตัวการก็พูดขึ้นโดยปราศจากคำทักทาย
"อ้าว อ้าว เช็ดผมซะแรงขนาดนั้น เสียดายผมสวยๆ หมดนะ"
"ท่านทสึรุมารุ!"
อิจิโกะเรียกชื่อของชายตรงหน้าขึ้นด้วยเสียงแข็งเล็กน้อย
"ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วว่าให้ส่งเสียงเสียก่อนจะเปิดประตู"
ทสึรุมารุคุนินางะไม่สนใจน้ำเสียงที่ราวกับต่อว่าแล้วเดินลงมานั่งด้านข้างกายของชายหนุ่มเฉย
"ทำแบบนั้นเจ้าก็ไม่ตกใจสิ"
พอได้ยินคำว่าตกใจ อิจิโกะก็นึกถึงเรื่องตกใจเมื่อวันก่อนที่เขาตั้งใจทำอาหารอย่างสุดฝีมือเพื่อน้องๆ แต่พอเขาเผลอเพียงนิดแล้วหันกลับมาเปิดฝาหม้อ อาหารข้างในกลับหายไปหมด แล้วมีกบหลายตัวกระโดดออกมาแทน
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร
วินาทีต่อมาที่ทสึรุมารุแสดงตัวมาที่ครัว ยังไม่ทันที่เขาจะพูดประโยคประจำตัวอย่าง "ตกใจไหมล่ะ" เสร็จ อิจิโกะก็เผลอตวาดใส่กระเรียนหนุ่มไปเสียแล้ว
ส่วนทสึรุมารุที่ตกใจกับความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่น่าเชื่อจากชายที่สุภาพนุ่มนวลอยู่เสมอ ก็ทำหน้าซีดแล้ววิ่งหนีไปในทันที

อิจิโกะฮิโตฟุรินึกถึงความแค้นครั้งนั้นออก จึงทำสายตาเกรี้ยวใส่ชายที่นั่งข้างๆ แล้วหันหน้าหนี พลางเช็ดผมของตนเองอีกครั้ง
"ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้น่า เดี๋ยวผมเสียหมด ข้าจะช่วยนะ"
ทสึรุมารุยื่นมือขึ้นจะไปจับผ้าบนศีรษะของชายอีกคน แต่สายตานั้นจ้องกลับมาอย่างไม่เป็นมิตร
"ท่านไม่ต้องแตะต้องตัวข้าเลยนะครับ ข้าจะรีบไปดูแลน้องๆ ของข้าแล้ว"
"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ข้าวานให้มิคาสึกิจัดการแล้ว"
กระเรียนส่งยิ้มหวานให้ แต่คนรับกลับทำหน้างงๆ
"ท่านมิคาสึกิ?"
"ใช่แล้วล่ะ คิดว่าวันนี้อิจิโกะกลับมาคงเหนื่อย แล้วก็ ..."
ทสึรุมารุพูดพลางยกมือขึ้นมาเกาแก้มตัวเองแก้เคอะเขินเบาๆ
"ข้าก็ ... อยากจะขอโทษเจ้าด้วย ..."

คำว่าขอโทษเป็นคำที่ไม่เหมาะกับเจ้าตัวแสบประจำฮงมารุอย่างทสึรุมารุคุนินางะเลย
แต่เพราะว่ามันไม่เข้ากันนี่ล่ะ จึงทำให้อิจิโกะฮิโตฟุริรู้สึกใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
ทสึรุมารุขยับตัวเข้าใกล้ขึ้นอีกนิดแล้วมองเข้าไปในดวงตาสีเหลืองเข้มของชายอีกคน
แววตานั้นคลี่คลายความโกรธขึ้งลงไป ทำให้เจ้านกกระเรียนนึกอยากจะขยับเข้าเคียงให้ใกล้กว่านี้
"ข้าไม่นึกว่าจะทำให้เจ้าโกรธขนาดนั้น ... ข้าขอโทษนะ"
ความเงียบพัดผ่านระหว่างสองคนชั่วแว่บหนึ่ง
"... ท่านน่ะชอบแกล้งข้าอยู่เรื่อยเลยนะครับ แต่ท่านควรจะรู้ขอบเขตบ้างว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร"
"ข้าก็แค่อยากทานอาหารฝีมือเจ้าบ้างเท่านั้นเอง"
เรือนผมสีฟ้าสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเจ้าของขยับตัวเบาๆ ด้วยความแปลกใจ
"ที่ฮงมารุนี่ พวกเราก็ผลัดกันทำอาหารอยู่แล้ว ..."
กระเรียนหนุ่มแทรกขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ
"ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"
แล้วเขาก็ขยับร่างเข้าใกล้อีกพร้อมกับยกมือขึ้นกุมมือของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
"ข้าอยากทานอาหารที่เจ้าตั้งใจทำให้ข้าบ้าง"
"ท่านทสึรุมารุ ..."
อิจิโกะฮิโตฟุริเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่ม มองตาอีกฝ่ายกลับ
หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงเสียจนเขาเองก็เริ่มสับสนว่าควรจะทำอย่างไรกับคำพูดของทสึรุมารุ
"อิจิโกะ ข้าน่ะ ..."
แต่ชายหนุ่มคงไม่รู้ว่า หัวใจของคนผมสีเงินตรงหน้าเต้นแรงกว่าไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า
"ข้าน่ะ ..."
ยิ่งพูด แต่ละคำที่ออกเหมือนยิ่งไปกระตุ้นจังหวะของหัวใจให้ระรัวยิ่งกว่ากลองมโหรีครึกครื้นใดๆ 
"เอ่อ คือว่าข้า ..."
แววตาใสบริสุทธิ์ที่มองเข้ามาในแววตาสีโทนเดียวกันกับของทสึรุมารุเอง ก็พลอยทำให้คำพูดที่อยากพูดนั้นวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ที่คอกับลิ้นพัลวัน
เมื่อเห็นเจ้าตัวติดขัดไม่พูดเสียที อิจิโกะจึงเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ
"ท่านทสึรุมารุ?"
เสียงกังวานที่เรียกชื่อเหมือนทำให้ฟางเส้นสุดท้ายในสติของทสึรุมารุขาดผึง ใบหน้าเนียนขาวผุดผ่องนั้นก็ถูกฉาบด้วยสีแดงแปร๊ดในเวลาชั่วอึดใจ จนเขาต้องเบือนหน้าหลบแล้วส่งห่อผ้าที่ตัวเองถือมาด้วยยื่นออกไป
"ข้ามีของมาขอโทษเจ้าด้วย!!"
อิจิโกะยื่นมือมารับห่อผ้าแบบงงๆ แต่ก็ยิ้มตอบกลับอย่างมีไมตรี
"ท่านไม่เห็นจำเป็นต้องทำถึงเช่นนี้เลยนะครับ"
"มะ ไม่หรอก ก็ข้าผิดนี่นา"
กระเรียนขาวตอบอย่างละล่ำละลักพลางนึกโทษตัวเองในใจ
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอเปิดเลยได้ไหมครับ"
"ได้สิ"

ผ้าผืนสีเข้มถูกคลายปมออกทิ้งตัวลงบนพื้น 
ภายในเป็นกล่องใบไม้ลงรักปิดทองอย่างประณีตขนาดเท่ามือของชายหนุ่ม
อิจิโกะฮิโตฟุริยิ้มให้กับความงามของกล่องนั้น แล้วเปิดฝาออกมา ด้านในมีขวดขนาดเล็กกว่ากล่องอยู่นิดหน่อยวางอยู่
ตัวหนังสือที่เขียนบนขวดนั้นทำให้กระเรียนหนุ่มต้องนึกโทษตัวเองอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง

ข้าไม่น่าเชื่อใจเจ้ามิคาสึกิเลย!!

นามที่เขียนอยู่บนขวดคือ
"สูตรลับ ร้อนรักสิเน่หาไม่รู้เหนื่อย"

ชื่อที่ฟังดูมีเลศนัยชัดเจนขนาดนี้ ถึงจะเป็นชายหนุ่มสูงส่งเรียบร้อยอย่างอิจิโกะฮิโตฟุริก็เข้าใจได้อย่างง่ายได้
"ท่านทสึรุมารุ! นี่ท่านแกล้งข้าอีกแล้วหรือครับ!!"
ชื่อของสิ่งที่อยู่ในขวดทำให้ใบหน้าของผู้ได้รับของกำนัลกลายเป็นสีแดง แล้วส่งเสียงกล่าวโทษต่อชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
"เดี๋ยว! อิจิโกะ ไม่ใช่นะ คือข้า!"
"ท่านเล่นแบบนี้ ข้าไม่สนุกด้วยเลยนะครับ!"
ใบหน้าสีแดงของชายหนุ่มตัดกับสีฟ้าของเรือนผม คิ้วทั้งสองข้างขมวดแน่นและมองกระเรียนหนุ่มอย่างโมโห ก่อนจะขยับตัวออกห่าง
เมื่อร่างที่แทบจะแนบชิดถอยออกไป เจ้าของผมสีเงินยวงก็เผลอคว้าข้อมือของเขาโดยไม่ทันได้คิด
"ไม่ใช่นะ ไอ้นี่มัน! มิคาสึกิเป็นคนหามาต่างหาก!"
"ท่านมิคาสึกิ? ท่านอย่ามาโกหกเลย! ท่านมิคาสึกิไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ!"
อิจิโกะพยายามยื้อแขนที่ถูกจับไว้ แต่ทสึรุมารุไม่ยอมปล่อยมือ
"เจ้ามิคาสึกินั่นแหละ นี่มันจงใจแกล้งกันชัดๆ! คนอุตสาห์คิดว่าเป็นที่ปรึกษาได้แท้ๆ!"
ทสึรุมารุนึกถึงรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าของมิคาสึกิตอนที่ส่งห่อผ้านี้มาให้

นี่มันหาเรื่องกันชัดๆ เวลาแบบนี้ใช้เวลาเล่นที่ไหน!
เจ้ามิคาสึกินี่เอาคืนในเวลาไม่เข้าท่าเอาเสียเลย!
กระเรียนหนุ่มได้แต่คิดโกรธในใจ และสับสนวุ่นวายกับสถานการณ์ว่าจะทำอย่างไรให้ชายตรงหน้าที่ฉุนเฉียวหนักกว่าเดิมได้เย็นลง
ทั้งที่เขาตั้งใจจะมาดับไฟพิโรธแท้ๆ!!

"ท่านมิคาสึกิจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะครับ!?"
ร่างบางของคนที่ถูกจับแขนเอาไว้ยังคงพยายามออกแรงดิ้นหนีพร้อมกับส่งเสียงดังกว่าปกติด้วยความโกรธ
"เจ้ามิคาสึกิทำแน่!"
ส่วนคนที่จับไว้ก็ยังออกแรงดึงเพื่อไม่ให้อีกคนหนีไป ความโกรธและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้เขาพูดต่อออกไปโดยไม่ทันยั้งปาก
"ก็มิคาสึกิรู้ว่าข้ารักเจ้า!!"

"เอ๋?"
คนถูกบอกรักไม่รู้ตัวอุทานออกมาเบาๆ และผ่อนแรงยื้อที่แขนในทันที
ทำให้ร่างของเขาถูกดึงเข้าหาตัวคนบอกรักที่บอกโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันอย่างรวดเร็ว
ร่างของอิจิโกะฮิโตฟุริก็ล้มลงเข้ากับแผ่นอกของทสึรุมารุคุนินางะพอดี

อิจิโกะนิ่งไปไม่พูดอะไรและไม่ขยับเขยื้อนตัวด้วยความตกใจ
แต่ทสึรุมารุกลับตัวแข็งไปด้วยความช๊อคและความอาย
ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงันและบรรยากาศแปลกๆ

"... ท่านทสึรุมารุ ..."
ชายหนุ่มแสนดีเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของชายอีกคนที่อยู่ในระยะห่างเพียงคืบ
กระเรียนเจ้าปัญหามองตอบใบหน้านวลที่กลายเป็นสีแดง ด้วยใบหน้าของตัวเองที่เต็มไปด้วยสีเลือดฝาดเช่นกัน
ก่อนจะตัดสินใจคลายมือที่กุมแขนเรียวแน่น แล้วขยับเข้ากอดร่างที่ซบอยู่กับอกของตน
"อา ... ใช่แล้ว อิจิโกะ ... มาถึงนี่แล้วก็ต้องพูดแล้วล่ะ 
ดวงตาสีอำพันทั้งสองสอดประสานกัน
"อิจิโกะฮิโตฟุริ ... ข้ารักเจ้า"
อัญมณีคู่งามของอิจิโกะสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำรักจากปากของชายอีกคน
"ข้าถึงได้ชอบแกล้งเจ้ามากกว่าคนอื่น เพราะอยากให้เจ้าหันมามองข้าบ่อยๆ เรื่องเป็นแบบนี้แหละ เจ้าจะรังเกียจข้าไหม?"
"ข้า ..."
เขาพูดได้เพียงคำเดียวก่อนจะหลบสายตา แล้วแนบใบหน้าเข้ากับแผ่นอกของทสึรุมารุราวกับจะซ่อนความเอียงอายทั้งหมด
"ข้าจะรังเกียจท่านได้อย่างไร ..."
คำตอบจากเสียงแผ่วของอิจิโกะทำให้ความกังวลของเจ้านกกระเรียนหายปลิดทิ้งไปในทันที เขากระชับกอดให้แน่นขึ้น ก่อนจะส่งเสียงอย่างเริงร่า
"ถ้าเช่นนั้น! อิจิโกะ เจ้า!"
ชายอีกคนสูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมความกล้า และเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของทสึรุมารุ
"ท่านทสึรุมารุ ... ข้าเองก็ ... รักท่านเช่นกัน"
ทั้งสองมองดวงตาของกันและกันอีกครั้ง
ทสึรุมารุเก็บอาการลิงโลดไว้แล้วจึงก้มหน้าที่ใกล้กันให้ยิ่งใกล้เข้าไปอีก
"อิจิโกะฮิโตฟุริ ..."
เสียงที่เรียกชื่อหลอมรวมไปด้วยความรักใคร่และรุ่มร้อน ลมหายใจที่ออกมาสัมผัสแผ่วกับริมฝีปากของอิจิโกะ

ถึงแม้จะถูกใครๆ เรียกว่าเป็นเจ้าชาย หรือท่านชายสุภาพบุรุษ
แต่ในเวลาแบบนี้อิจิโกะฮิโตฟุริเองก็รู้ได้ว่าควรจะทำอย่างไร
เขาค่อยหลับตาลงให้ลมหายใจอบอุ่นของอีกฝ่ายเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนจะมีสัมผัสอันอบอุ่น อ่อนนุ่ม แนบชิดเข้ามาที่ริมฝีปาก

รสหวานหอมของจุมพิตก็ค่อยๆ แทรกซึมสู่หัวใจทั้งสองดวงที่ต่างลุ่มหลงกันโดยไม่เคยเผยความในใจ
และค่อยๆ เต็มตื้นความอบอุ่นอิ่มเอมที่ทั้งสองโหยหากันมานานแสนนาน ...

No comments:

Post a Comment