Touken Ranbu Fanfiction - Kogitsunemaru x Mikazuki Munechika -
狐の嫁入り//จิ้งจอกรับเจ้าสาว
*หมายเหตุ ตอนนี้ R-18 นะจ้ะ*
ตอนที่ 11 :
แม้ว่าจะเคยเห็นมาแล้วหลายต่อหลายครั้งตอนที่ยังเป็นจิตวิญญาณในดาบ
แต่เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเองเช่นนี้
ยิ่งทำให้รู้สึกประหลาดใจ ไปพร้อมกับรุ่มร้อนโหยหา
และดูเหมือนจะยิ่งทำให้ลุ่มหลงไปกับรสจูบแสนสิเน่หาที่ได้ลิ้มรสชาติกันและกัน
หลังคำรักถูกเอ่ยออกมา ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้เริ่ม
รู้เพียงว่าต่างฝ่ายต่างปรารถนากันและกัน
และปรารถนาที่จะทำเช่นนั้น
ริมฝีปากของจิ้งจอกหนุ่มและจันทราประสานกัน เริ่มจากแผ่วเบา จนเริ่มแนบแน่น ก่อนที่จะกลายเป็นจูบดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า
มิคาสึกิส่งเสียงหายใจหอบลอดออกมาจากริมฝีปากระหว่างการแลกลิ้น
ดวงจันทร์เสี้ยวทั้งสองต่างก็สั่นไหวไปกันความร้อนเร่าที่เกิดขึ้นในกาย
โคกิทสึเนะเองก็ไม่ได้ต่างกัน
เขากดริมฝีปากของตนแนบแน่นลงไปกับของมิคาสึกิ ก่อนจะออกแรงกดกายนั้นให้โน้มลงไปกับพื้นด้วย
ชายหนุ่มร่างบางล้มลงตามแรงกดจนหลังติดกับพื้น เขาก็ลืมตาโพลงแล้วเริ่มผลักกายที่อยู่เหนือออก
ชายที่ขึ้นคร่อมร่างก็ถอนริมฝีปากออกไป
"มิคาสึกิ ... คืนนี้ ..."
จิ้งจอกหนุ่มพูดด้วยสีหน้าที่มีเลือดฝาด แววตาตื่นเต้นรุมไปด้วยไฟปรารถนา รวมถึงมีเสียงหายใจหอบแทรกมาระหว่างคำพูดด้วย
ถึงจะเป็นจิตวิญญาณแห่งดาบ แต่ชั่วเวลาพันปีที่ผ่านมาไม่ได้ผ่านไปเปล่าๆ
มิคาสึกิรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นเป็นสัญญาณของอะไร เขายกมือหนึ่งขึ้นปิดปากของจิ้งจอกหนุ่ม
"ฟูก ... ไม่งั้นข้าเจ็บหลังแน่"
ความกังวลว่าจะถูกปฏิเสธของชายหนุ่มร่างแกร่งทำให้เขาหัวเราะพรวดออกมาจากคำขอที่เหนือความคาดหมาย แต่เขาก็ก้มลงจูบแก้มที่เอียงอายของชายที่อยู่ด้านล่างตน
แล้วจึงลุกไปหยิบชุดฟูกที่นอนจากตู้ออกมาจัดแจง
"คืนนี้ ชุดเดียวก็พอสินะ"
โคกิทสึเนะมารุกล่าวแซวเป็นเชิงขำขัน พลางนึกถึงตนเองที่เคยฉุนเฉียวเพราะฟูกที่นอนชุดเดียวมาแล้ว เขาโยนหมอนลงบนตำแหน่งที่เหมาะสมไปพร้อมๆ กับชวนคุย
"มิคาสึกิ เจ้าเองไม่คิดจะหัดปูที่นอนเองบ้างรึ? เจ้าทำไม่เป็นมาตั้งแต่เล็กเลยนะ"
มิคาสึกิลุกจากพื้นที่นั่งอยู่ค่อยเดินเข้าหาชายอีกคน
"ข้ามีพี่ชายที่แสนดีคอยปูให้อยู่แล้วนี่"
เจ้าจิ้งจอกหันมามองรอยยิ้มของจันทรา ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาบ้าง
"ข้าไม่ปูให้น้องชายที่โตจนแทบจะสูงใหญ่เท่าข้าหรอก"
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ มิคาสึกิกลับเดินเข้าใกล้เขาขึ้นอีกและพูดตอบราวกับรู้ถึงสิ่งที่จิ้งจอกอยากจะบอก
"นั่นสินะ ... เพราะข้าไม่ใช่น้องชายของเจ้าแล้ว"
ดวงจันทร์ลอยเด่นด้วยยิ้มยั่วอยู่ตรงหน้าของจิ้งจอก มือบางยื่นขึ้นมาสัมผัสที่เชือกผูกเอวยูกาตะของชายตรงหน้า
"เพราะ ... ข้าเป็นเจ้าสาวของเจ้าต่างหาก"
ข้อมือนั้นขยับอย่างรวดเรียวเงียบเชียบ มีเพียงเสียงผ้าเสียดสีดังขึ้นในห้อง
กายสีอ่อนนวลของดวงจันทร์เปลือยเปล่าอยู่บนฟูกที่เจ้าตัวเป็นคนเรียกหา
ผิวเนียนที่ไร้จุดด่างพร้อยบัดนี้กลับมีเม็ดเหงื่อและรอยรักราวกลีบดอกไม้พร่างพรมไปทั่ว
แผ่นอกขยับขึ้นลงพร้อมเสียงหอบเป็นจังหวะรับกับเสียงของความชื้นแฉะจากช่วงล่างของตน
มิคาสึกิเกร็งขาทั้งสองเล็กน้อยเมื่อชายอีกคนที่ก้มหน้าอยู่ที่หว่างขาของเขาลากลิ้นจากโคนไล่ขึ้นมา ในขณะที่ใช้นิ้วมือเล่นกับส่วนปลายยอดที่ตั้งชูขึ้นมา
เมื่อปลายลิ้นมาจนถึงส่วนยอดบ้าง เขาก็กวาดลิ้นวน ก่อนจะจูบแผ่วเบาอย่างทนุถนอม
ความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนก็แล่นวาบขึ้นจนร่างของมิคาสึกิสะดุ้งเฮือก
"อะ ... อา ... โคกิทสึ ... เนะ ..."
เสียงหวานแหบพร่าสั่นไหวราวกับไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร
จิ้งจอกหนุ่มไม่ตอบคำ เพียงแต่ยกมุมปากยิ้มราวกับรื่นรมย์กับภาพเบื้องหน้า
เสียงหวานซ่านนั้นยิ่งคับข้องทรมานเมื่อปลายนิ้วแกร่งของชายคนรักเริ่มสอดแทรกเข้ามาในช่องทางที่ไม่เคยมีใครแตะต้องของตน
ฝ่ามือกำแน่นจนแทบจิกเนื้อลงไป ลมหายใจเริ่มติดขัด เดือดร้อนให้โคกิทสึเนะรู้สึกเป็นห่วง
เขาหยุดการเคลื่อนไหวของนิ้ว แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งคลายกำหมัดของมิคาสึกิ ประสานมือเกี่ยวนิ้วเข้าหากัน
"มิคาสึกิ ... เจ้าไม่ต้องกลัวนะ จับมือข้าไว้"
น้ำเสียงอันอบอุ่นทำให้มิคาสึกิคลายความกังวล พร้อมกับแรงกำที่มือออก ลมหายใจก็ค่อยเป็นจังหวะขึ้น ใบหน้านั้นก็เปื้อนยิ้มเมื่อมองไปยังดวงตาสีแดงที่เต็มไปด้วยความรักและเพลิงปรารถนา
โคกิทสึเนะมารุออกแรงกำมือของจันทราให้แน่นขึ้นอีกหน่อย แล้วจึงเริ่มขยับนิ้วที่ปากทางอีกครั้ง มิคาสึกิส่งเสียงราวกับทรมานขึ้นและกำมือของชายหนุ่มตอบ
แรงเร่งเร้าที่รุนแรงถาโถมเข้าใส่ดวงจันทร์ปนเปไปกับความอึดอัดที่ถูกรุกล้ำ
จิ้งจอกหนุ่มก้มลงจรดริมฝีปากกับต้นขาเรียวจนเกิดเสียงดังและรอยแดงขึ้นเคล้าคลอไปกับเสียงหายใจแรงของมิคาสึกิ และเสียงน้ำเหนอะที่นิ้วของเขาค่อยแหวกผ่านเข้าไปทีละนิ้ว
แล้วเขาก็ลากลิ้นไล้มาจนถึงแก่นกลางของจันทราที่กำลังตื่นตัว
เสียงร้องของมิคาสึกิดังขึ้นเมื่อส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของเขาถูกความร้อนและความเปียกชื้นเข้าห่อหุ้ม เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมข่มตาลงราวกับจะฝืนต่อความสุขล้นที่แผ่ซ่านเสียจนแทบกลืนกินความคิดของตัวเองไป แต่กลับแข็งขืนไม่ได้จนต้องส่งเสียงหวานออกมาเพื่อระบายแรงผลักดันภายในใจที่แทบระเบิด
และเสียงนั้นยิ่งช่วยเร่งเร้าให้จิ้งจอกไม่อาจทนต่อความรุ่มร้อนภายในของเขาเช่นกัน
โคกิทสึเนะมารุดึงนิ้วออกจากร่างของมิคาสึกิ ขยับร่างขึ้นโดยที่ไม่ปล่อยมือข้างที่จับกันและกันเองไว้แน่น
เมื่อความอึดอัดและปลุกเร้าหายไปจากกาย จันทร์เสี้ยวที่สั่นไหวด้วยหยดน้ำในตาก็จับจ้องไปยังใบหน้าที่มีสีเลือดฝาดบางๆ ของจิ้งจอกหนุ่ม
เสียงหายใจหอบของทั้งคู่ดังก้องไปในห้อง
"โค ... กิทสึเนะ ..."
"มิคาสึกิ ..."
มืออีกข้างของจิ้งจอกขยับไปทางด้านล่าง ปากทางของจันทรามีสิ่งหนึ่งที่ใหญ่กว่าเมื่อครู่แตะต้องเบาๆ
มิคาสึกิรู้ได้โดยไม่ต้องมีใครบอกว่ามันคือสิ่งใด
ร่างหนาของโคกิทสึเนะมารุโน้มลงเข้าหาเขา
แม้ความเก้อเขินจะทำให้เขาอยากเบือนหน้าที่รุ่มร้อนหนี แต่อัญมณีสีแดงส่องประกายจับจ้องเขาไว้จนไม่อาจหนีไปไหนได้
ประกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความใคร่หลอมรวมเป็นหนึ่งจนแยกไม่ถูก
ในดวงตาคู่นั้นมีคำเว้าวอนแฝงมาด้วย
คำขอที่แม้ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ต่างก็เข้าใจกัน
มิคาสึกิขยับยิ้มอย่างอ่อนหวานให้กับชายตรงหน้า
"ข้าเป็นเจ้าสาวของเจ้านะ โคกิทสึเนะมารุ"
คำพูดที่ยืนยันหัวใจของทั้งสองถูกเปล่งออกมาอย่างหนักแน่น ฝ่ายเจ้าบ่าวจึงก้มลงบดจูบอย่างหนักหน่วงลงบนริมฝีปากบางอย่างเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
มือที่เกาะเกี่ยวกันไว้ยิ่งผูกพันแน่น
พอลิ้มรสน้ำหวานจันทราจนเอมอิ่ม จิ้งจอกหนุ่มก็ขยับร่างขึ้นเล็กน้อย สายตาทั้งสองประสานกันด้วยความโหยหา
"มิคาสึกิ ... ข้ารักเจ้า ..."
คำรักพรั่งพรูออกมาพร้อมความรู้สึกอันท่วมท้น ก่อนที่ความรุ่มร้อนยิ่งเพลิงจะแทรกสอดเข้าสู่จันทราให้กายรวมกันเป็นหนึ่ง
ไม่ต่างจากดวงใจที่ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว
แม้โคกิทสึเนะจะพยายามอ่อนโยนกับมิคาสึกิอย่างถึงที่สุด
แต่ช่วยไม่ได้ที่จันทราจะหายใจหอบอย่างติดขัดราวกับทรมาน แถมด้วยมีหยาดน้ำตาหลั่งออกมา
จิ้งจอกหนุ่มก้มจุมพิตซับน้ำตาให้กับคนรัก มือข้างที่จับกันไว้เกร็งแน่นเสียจนเล็บของมิคาสึกิจิกลงไปบนหลังมือของโคกิทสึเนะมารุ
"เจ้าไหวรึเปล่า?"
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเอ่ยถาม แม้จะไม่หยุดกดสะโพกของตนเองลงไปให้ลึกล้ำลงในร่างของอีกฝ่าย
แต่ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของชายหนุ่มกับขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะพูดด้วยความไม่พอใจ
"เจ้าจะละล้าละลังไปถึงไหน โคกิทสึเนะ"
เสียงแข็งเบาลงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไป
"ข้า ... ข้าเองก็ฝันว่าจะได้เป็นของเจ้ามานานแล้ว ..."
มิคาสึกิหรี่ตามองก่อนจะขยับยิ้มยั่วคนตรงหน้า
"ข้าไม่อยากรออีกแล้ว"
จิ้งจอกหนุ่มพยายามครองสติเพื่อไม่ให้ตนเองทำรุนแรงกับคนรัก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อาจทนได้อีกแล้ว เมื่อจังหวะกายของเขาเร็วและรุนแรงขึ้นไปตามการปลุกปั่น
มืออีกข้างหนึ่งเข้ากุมเกี่ยวกันและกันเหมือนอีกข้าง
มิคาสึกิส่งเสียงดังขึ้นพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากความรู้สึกเร่งเร้าภายในร่วมกับความเจ็บปวด
ความสุขล้นจากการได้รับการเติมเต็มทั้งทางกายและทางใจทำให้มิคาสึกิไม่คิดจะเรียกให้จิ้งจอกคนรักเพลาลง
แต่จิ้งจอกหนุ่มในยามนี้ที่ตัวเขาเองเป็นคนยั่วเย้า ก็คงไม่เหลือสติยับยั้งพอที่จะหยุดอีกแล้ว
ความเป็นชายแกร่งของโคกิทสึเนะมารุแทรกผ่านเข้าออกช่องทางของมิคาสึกิอย่างรวดเร็วตามแรงปรารถนาที่ถูกเก็บงำมาหลายร้อยปี
ร่างของจันทราแสนงามที่อยู่ใต้ร่างของเงามีเหงื่อโทรมกาย ใบหน้าถูกแต้มด้วยสีแห่งความเขินอายแต่ก็ตื่นเต้น ดวงตาที่เปื้อนน้ำตาแต่ถูกสุมด้วยไฟราคะมองจ้องตรงมา เสียงหายใจหอบสลับกับเสียงครวญครางที่แสนหวาน
ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่จิ้งจอกหนุ่มไม่เคยกล้าแม้แต่จะฝันเห็น ถึงแม้ว่าจะลุ่มหลงและต้องการมากเพียงใด
ภาพที่เห็นเป็นยาเสน่ห์ที่ล้ำเลิศยิ่งกว่ายาใดบนโลกใบนี้ที่ทำให้เขาไม่อาจหยุดตนเองจากการทรมานชายที่เขารักเป็นที่สุดได้
ความทรมานที่แสนสุขนั้นบีดรัดใจของทั้งสองให้กายเริ่มเกร็งแน่น
ความรุ่มร้อนพลุ่งพล่านภายในกายที่เร่งเร้าจะหาทางออกยิ่งหยาดเยิ้มออกมาจากส่วนปลาย
ฝ่ามือของมิคาสึกิที่ยิ่งกำแน่น และดวงตาที่ปิดลงพร้อมกับรอยย่นระหว่างคิ้วที่เพิ่มขึ้น ทำให้โคกิทสึเนะมารุรู้ว่าใกล้ได้เวลาที่ความปรารถนาของกันและกันจะได้รับการปลดปล่อย
เขาเร่งจังหวะที่รุมเร้าให้รุนแรงขึ้นอีก
มิคาสึกิส่งเสียงร้องจนตัวสั่น
"อ๊า!! โค ... โคกิทสึเนะ!!"
ท่ามกลางสติที่กำลังจะหลุดลอยไป จิ้งจอกหนุ่มก้มลงจุมพิตคนรักของตนเองแผ่วเบาอีกครั้ง
"มิคาสึกิ ... อึก ... มิคาสึกิ มองหน้าข้าสิ"
มิคาสึกิฝืนต่อความเสียวซ่านรุนแรงที่แผ่ไปทั่วร่าง ลืมตาขึ้นมอง
ทับทิมงามคู่นั้นสะท้อนเพียงภาพของตัวเขาเองอย่างแจ่มชัด จิ้งจอกหนุ่มเหนือร่างของเขามีรอยยิ้มที่อบอุ่น เปี่ยมไปด้วยรักไม่ต่างจากแววตาที่เขาใช้มองจันทรามาตลอด แต่ถูกครอบงำด้วยสัญชาติญาณของความรักและการครอบครอง
เมื่อมิคาสึกิลืมตาขึ้น จิ้งจอกหนุ่มก็เผยอยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาว
"ใช่แล้ว มองข้าสิ ... จันทร์งามของข้า ... ของข้าเพียงผู้เดียว"
"อะ ... อื้อ! เจ้า ... เจ้าก็เป็นของข้า โคกิทสึเนะ ...!"
จันทรายกขาสองขึ้นเกี่ยวกระหวัดรอบเอวของจิ้งจอกหนุ่มแล้วรั้งร่างนั้นไว้ราวกับไม่อยากห่างไปไหนแม้เพียงเสี้ยววินาที
โคกิทสึเนะแทรกกายลงแน่นจนลึกที่สุด พร้อมส่งเสียงครางสั่นจากลำคอ
มิคาสึกิส่งเสียงหวานล้ำออกมาลั่นไม่เป็นคำ ขาทั้งสองเกร็งรัดร่างของชายคนรักเสียจนแนบชิด ก่อนที่ความปรารถนาของเขาเองจะทะลักออกสู่ภายนอก
ในขณะที่ความโหยหาที่แสนร้อนของจิ้งจอกหนุ่มถูกปลดปล่อยแล้วรินหลั่งเข้าสู่ในกายของจันทรา
เช้าวันต่อมา ระหว่างระเบียงทางเดินไปสู่ห้องโถงใหญ่ของฮงมารุ
โคกิทสึเนะเดินยิ้มร่ามาจากทางหนึ่ง
และอีกทางหนึ่งก็มีทสึรุมารุเดินมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าเช่นกัน
"อ้าว ว่าไง นายท่านจิ้งจอก มิคาสึกิวันนี้จะเดินไหวไหมเนี่ย?"
คำทักทายทีเล่นทีจริงของกระเรียนหนุ่มทำให้จิ้งจอกเผยอยิ้มออกมาอีก
"ข้าเองก็ไม่แน่ใจสินะ ฮะ ฮะ"
เมื่อตอบคำทักทายเสร็จ โคกิทสึเนะมารุก็เปลี่ยนสีหน้า แล้วก้มศีรษะลง
"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ทสึรุมารุ"
ชายผมสั้นสีเงินยกมือขึ้นเกาหัวพลางหัวเราะเบาๆ
"เอาเถอะน่า ข้าไม่ถือสาหรอก ยังไงเพราะมิคาสึกิ ข้าเลยได้สารภาพรักกับอิจิเสียที"
"ยังไงข้าก็ควรจะขอโทษที่ใช้ความรุนแรงกับเจ้า"
ส่วนชายผมยาวสีเงินยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี
ทสึรุมารุหัวเราะออกมาแล้วยกมือขึ้นโบก
"ไม่ต้องคิดมากล่ะน่า ยังไงเจ้าก็ทำให้ข้าได้เห็นของดีๆ ตอนเจ้าจิ้งจอกทำหน้าเศร้า หางตก หูตก เพราะถูกมิคาสึกิไล่ชิ้วๆ มันน่าดูมากเลยล่ะ ข้าแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวเลย"
ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกมาจากอีกทางหนึ่ง
"ท่านทสึรุมารุ!"
คนถูกเรียกจำได้ในทันทีว่าเป็นเสียงของคนในดวงใจของตนเอง จึงรีบกระดี้กระด้าหันควับไป
"อิจิเรียกข้าแล้ว ข้าไปก่อนนะ"
เจ้าตัวก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งฮัมเพลงไปตลอดทาง
ส่วนคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ ก็ได้แต่ขบฟันพลางคิดว่า
หากกระเรียนมันร่วงตกลงมา เขาก็ควรจะขย้ำเนื้อมันกินซะ
ให้สมกับความไม่รู้กาลเทศะและความปากเสียของมัน
"ฟูก ... ไม่งั้นข้าเจ็บหลังแน่"
ReplyDeleteโอยย อันนี้ปล่อยพรวดออกมาเลยค่ะ 5555 นึกว่าอะไรซะอีก
คนงามก็งี้แหละ XDDDD
Delete