ขอโทษที่ดองทสึรุอิจิค่า TT3TT
ช่วงนี้วุ่นวายหลายเรื่องไปหน่อย เลยยังไม่ว่างแต่งต่อเลย
แต่วันนี้เป็นที่ไทยเป็นวันภาษาไทย
แล้วไปเจอที่เล่นนับวันเกิด นับชื่อ สุ่มออกมาเป็นประโยคอันนี้
https://www.facebook.com/mimolyinacake/photos/a.184347911650317.49527.184346351650473/859631384121963/?type=1&permPage=1
แล้วเราสุ่มออกมาได้ว่า
"รอยยิ้มอบอุ่นของราชันแห่งปีศาจชวนให้สติหลุดลอยไปไกล ....."
เท่านั้นแหละ ........
ไอเดียฟิคพุ่งกระฉูดดดดดดดดดดดดด
มันจึงออกมาเป็นฟิคเรื่องนี้ค่ะ ... TT3TT
ขอโทษที่เรื่องเก่ายังไม่เสร็จ ก็เข็นอันใหม่ออกมานะคะ
อันเนื่องมาจากว่ายังมีความละอายอยู่บ้าง
เลยขอแต่งเป็น one shot ไม่ยาวมากค่ะ
เนื้อเรื่องเป็น au Fantasy Parody
เพราะประโยคที่ได้คือ "ราชันแห่งปีศาจ"
เลยขอเปลี่ยนเซตติ้งเป็นโลกแฟนตาซีแทนค่ะ
เราถือว่าเตือนแล้วนาาา XDDD
ปล. แบ่งเรทไม่เป็น ไม่มีฉาก แต่ภาษาล่อแหลมพอตัว ใส่ R15 ไปก่อนละกัน
ใครสนใจ รับได้ ไปอ่านโลดดดดด
==============================================================
ดินแดนแห่งนี้อยู่ห่างไกลออกไปเพียงอีกมิติ
แต่ก็หากอยู่ใกล้กันไม่ต่างจากเพียงกระดาษกั้น
ดินแดนแห่งนี้มีเพียงความมืดและความเยือกเย็นเป็นมิตร
ท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งดวงดาว มีเพียงสายลมหนาวพัดผ่านสัมผัสให้ผ้าม่านพริ้วไหว
นิ้วเรียวสวยของชายหนุ่มขยับจับผืนผ้านั้น ก่อนจะปิดหน้าต่างไม่ให้ความหนาวเหน็บได้เร้นกายเข้าสู่ภายในห้อง แต่นั่นยิ่งทำให้ห้องนั้นมืดสลัว มีเพียงแสงระเรื่อของตะเกียงที่ส่องให้ความสว่างในห้อง
แม้นนี่จะเป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้วที่มิคาสึกิ มุเนจิกะย้ายถิ่นฐานมายังอาณาจักรแห่งรัตติกาลนี้
แต่อย่างไร เขาก็ไม่อาจเคยชินกับความมืดมิดได้
Touken Ranbu Fanfiction - Ichigo Hitofuri x Mikazuki Munechika -
AU (Fantasy Parody) R15 (รึเปล่า?) "แสงสลัว"
การยุทธระหว่างมนุษย์กับเผ่าปีศาจกินเวลามานานหลายพันปีโดยไม่อาจหาผู้แพ้ผู้ชนะได้ราวกับมันคือการล้อเล่นเอาชีวิตอันโหดเหี้ยมที่ไว้ถ่วงสมดุลย์ของทั้งสองมิติ
แต่เมื่อราชันองค์ใหม่แห่งราชอาณาจักรรัตติกาลอของเปล่าปีศาจขึ้นเถลิงอำนาจ ความสมดุลย์นั้นก็ค่อยๆ เสียศูนย์
จนในที่สุด ... เมื่อมนุษย์กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ มนุษย์ได้ยื่นข้อเสนอให้กับราชัน
เพื่อแลกกับการพักรบ ราชันแห่งปีศาจจะขอสิ่งล้ำค่าใดในมิติมนุษย์ไปก็ได้
และราชันผู้มีดวงตาสีทองส่องสว่างก็ขยับมุมปากยิ้มอย่างเยือกเย็น
"... ข้าต้องการจันทรา ..."
... นั่นคือเหตุที่ มิคาสึกิ มุเนจิกะ มาอยู่ที่นี่ ...
มิคาสึกิ มุเนจิกะ คือ สิ่งล้ำค่าของมวลมนุษย์
ทั้งด้วยรูปโฉมที่งดงาม สติปัญญาอันล้ำเลิศ และความอ่อนโยนที่เหนือใคร
รวมไปถึง แสงนวลสลัวที่ส่องออกจากกายของเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อยามที่มิคาสึกิอยู่ท่ามกลางความมืด แสงอันคล้ายแสงจันทร์จะส่องประกายจนเขาดูราวกับเทพจากดวงจันทร์เลยทีเดียว
และแสงนั้นกลับยิ่งดูโดดเด่นเมื่อเขาต้องมาขังกายอยู่ในเมืองอันมืดมิดแห่งนี้
โดยเฉพาะ ... ที่นี่คือห้องบรรทมของราชันแห่งมวลปีศาจนั่นเอง
มิคาสึกิทิ้งกายลงนั่งบนเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้อง
ทุกสิ่งที่เขาต้องการ ราชาปีศาจล้วนหาให้เขาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพร้อมโคมไฟที่สว่างพอที่จะให้เขาอ่านหนังสือ
หรือแม้แต่ชุดน้ำชา พร้อมของว่างวันละสามเวลา
อีกทั้งเขายังไม่ต้องทำงานอะไรทั้งสิ้น
มีอาหาร เครื่องนุ่งห่มที่หรูหรา พร้อมทั้งคนรับใช้ ผู้ติดตาม
ชีวิตความเป็นอยู่ที่เพียบพร้อมเช่นนี้ ทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในฐานะของตัวประกัน หรือเชลยศึกแต่อย่างใด
หากจะเปรียบไปแล้ว ... การที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องบรรทมของราชา
ก็ย่อมต้องบอกว่า เขาเหมือนนางสนมเสียมากกว่า
เสียงเคาะประตูห้อง ตามมาด้วยเสียงลูกบิดประตูห้องถูกหมุนและเปิดออก แสงอ่อนๆ ในห้องทำให้เห็นใบหน้าของชายที่เดินเข้ามาไม่ชัดเจน แต่ผู้ที่จะกล้าเดินเข้าออกห้องนอนของราชาได้ก็คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
รอยยิ้มเย็นบนใบหน้ามุ่งตรงมาที่มิคาสึกิ ก่อนที่ชายคนนั้นจะหันกลับไปปิดประตูห้องลงอย่างเงียบเชียบ แล้วเขาจึงเดินเข้ามาส่วนในของห้อง
เรือนผมสีน้ำทะเลไหวเล็กน้อยตามแรงเมื่อเขาลงนั่งที่ข้างกายของมิคาสึกิ
ชายที่ส่องแสงของจันทรายิ้มน้อยให้กับเขา
"วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ท่านอิจิโกะ ฮิโตฟุริ"
รอยย่นหว่างคิ้วของชายที่ถูกถามขมวดแน่นขึ้น เขาหรี่ดวงตาสีอำพันลง ตอบด้วยเสียงนิ่ง
"พวกมนุษย์ก็ยังหาทางเอาชนะพวกข้าไม่ได้อยู่ดีล่ะครับ"
มิคาสึกิเอียงคอน้อยๆ กับคำตอบนั้น ช้อนตาขึ้นมองใบหน้าของชายที่อยู่ข้างๆ และยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วกดไปที่หว่างคิ้วเบาๆ
"ท่านทำหน้านิ่วอีกแล้วนะ ท่านราชา"
ดวงตาสีทองที่หรี่ลงก็เบิกขึ้นพร้อมกับรอยขมวดที่คลายออก จันทราก็ส่องวิบไปกับเสียงหัวเราะแผ่วเบาทำให้อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอขึ้นมาเช่นกัน
"นั่นสินะครับ ... ข้าลืมตัวไป"
แววตาขึงกับน้ำเสียงเยือกเย็นค่อยเปลี่ยนไปราวกับถูกแสงฉายให้ละลาย
ราชาปีศาจหนุ่มค่อยใช้วงแขนทั้งสองโอบร่างที่อยู่ข้างตัว ดึงเข้ามาแนบชิด แล้วก้มหน้าลงเข้าใกล้อีกฝ่าย
มิคาสึกิเข้าใจความหมายของการกระทำเป็นอย่างดี และหลับตาลงพริ้ม เพื่อรับสัมผัสอบอุ่นและนุ่มนวลที่บรรจงจรดลงมาบนริมฝีปาก
ความอบอุ่นนั้นค่อนรุกเร้าโหมแรงรุ่มร้อนขึ้นเสียจนมันแทบละลายทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน
เมื่อจุมพิตนั้นจบลง ความเย็นชาของราชาแห่งปีศาจก็มลายหายไปสิ้น
เหลือไว้เพียงแววตาอ่อนโยนที่มองมายังจันทราดวงน้อยในอ้อมกอดของเขา
อิจิโกะจูบหน้าผากของมิคาสึกิเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะทิ้งศีรษะตนเองให้พาดลงบนไหล่ของชายอีกคนราวกับเหนื่อยอ่อน
มิคาสึกิหัวเราะน้อยๆ ขึ้นอีกครั้ง
"ท่านอิจิโกะเองก็ขี้อ้อนเหมือนกันนะ"
ในโลกปีศาจรวมไปถึงมิติของเหล่ามนุษย์ คงไม่มีใครกล้าพูดเช่นนี้กับอิจิโกะ ฮิโตฟุริ ผู้ซึ่งเป็นราชาของเหล่าปีศาจองค์ใหม่
ด้วยความฉลาดสุขุม เยือนเย็น และเด็ดขาด ทำให้เขานำทัพของปีศาจบุกเอาชนะการศึกระหว่างทั้งสองเผ่าไม่รู้ต่อกี่ครั้ง
และนั่นยิ่งทำให้ทั้งสองเผ่ารู้จักราชาองค์ใหม่ในนามแม่ทัพผู้อาบพื้นดินให้เป็นสีเลือด
มีเพียงมิคาสึกิเท่านั้นที่ได้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้ว ราชาองค์นี้ก็มีชีวิตจิตใจ ไม่ต่างจากมนุษย์และปีศาจอื่นๆ เช่นกัน
"นั่นก็เพราะท่านนั่นแหละครับ ท่านมิคาสึกิ"
เสียงนั้นดังขึ้นจากบริเวณไหล่ของมิคาสึกิ แล้วตามมาด้วยสัมผัสเปียกชื้นไล่ไปตามลำคอระหงส์
ไม่ทันที่มิคาสึกิจะตอบรับอะไร ร่างของเขาก็ถูกผลักให้ล้มลงบนเตียงที่นั่งอยู่ และชายที่ผลักเขาลงก็ขยับร่างขึ้นเหนือ
"แค่กับท่านเท่านั้นล่ะครับ"
มือทั้งสองของอิจิโกะเริ่มลูบไล้ไปตามกายที่นอนอยู่ด้านล่าง พลางปลงเปลื้องพันธนาการออกทีละชิ้น
"เพราะท่านคือจันทราที่ข้าต้องการมาตลอด"
มิคาสึกิไม่ขัดขืน เพียงแต่มองสีหน้าและแววตาที่อ่อนโยน ทั้งยังแฝงไปด้วยความร้อนรุ่มอยู่ภายใน
"ท่านคือแสงสว่างของข้า ... ในอาณาจักรที่มืดมิดเช่นนี้ ..."
ความร้อนนั้นค่อยถ่ายทอดสู่จันทราดวงงามเช่นกัน แสงสลัวสีนวลถูกแต่งด้วยสีเลือดฝาดบนแก้ม และลมหายใจที่แรงขึ้นเล็กน้อย
ใบหน้าของอิจิโกะขยับเข้าใกล้ใบหน้าของมิคาสึกิ แม้ว่าจะไม่ได้หยุดมือที่สัมผัสกายของเขาอยู่เลย
อำพันในตาของเขาสะท้อนประกายแสงด้วยแสงจันทร์จากดวงตาของมิคาสึกิ
"ท่านมิคาสึกิ ... แม้ข้าจะได้ตัวท่านมาด้วยวิธีการเช่นนี้ ท่านจะเป็นจันทรา ... เป็นแสงสว่างให้ข้าตลอดไปได้หรือไม่ครับ?"
ดวงตาคู่สวยของราชาปีศาจผู้แข็งแกร่งดูมีความหวั่นไหวปะปนอยู่
แต่ฝ่ายจันทรากลับเผยยิ้มออกมา และยกแขนทั้่งสองขึ้นโอบรอบศีรษะของอิจิโกะ
"ข้าคิดว่าท่านเห็นข้าเป็นเพียงของรางวัลชิ้นงามจากการชนะสงครามเสียอีก"
"ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย! ข้า ..."
เมื่ออิจิโกะรีบร้อนแก้ตัว ยิ่งทำให้รอยยิ้มของมิคาสึกิยิ่งแย้มกว้าง
ผู้นำแห่งเหล่าปีศาจกลับมีทีท่าเคอะเขินเล็กน้อย จนแทบไม่เหลือเค้าของแม่ทัพผู้มีชัยเหนือสองโลก
"ข้า ... ข้ารักท่าน ท่านมิคาสึกิ ..."
คำบอกรักหลุดออกมาจากปากของอิจิโกะ ที่บัดนี้ราวกับกลายเป็นชายหนุ่มธรรมดาเพียงคนหนึ่ง ที่มีทั้งความประหม่า ขัดเขิน และความรักเสียจนใบหน้าถูกแต้มด้วยสีแดง
ฝ่ายที่ถูกบอกรักเบิกตาขึ้นตกใจเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มตอบกลับไปอย่างอ่อนโยน
"ท่านอิจิโกะ ... ข้าเอง ... ก็รู้สึกเช่นเดียวกับท่าน ..."
คำตอบนั้นทำให้ความกังวลทั้งหลายสลายไปจากสีหน้าของอิจิโกะ ฮิโตฟุริ
วินาทีถัดมาคำพูดและลมหายใจจากแสงจันทร์สลัวก็ถูกช่วงชิงด้วยปากและลิ้นของปีศาจ
มิคาสึกิกำมือของตนเองแน่นและรัดแขนดึงร่างของเจ้าของจูบให้โน้มลงมาใกล้ยิ่งขึ้น
เมื่อริมฝีปากนั้นแยกออกจากกันเพียงชั่วครู่
จันทร์สลัวลอบมองสีหน้าของชายตรงหน้าอีกครั้ง
อิจิโกะ ฮิโตฟุริส่งสายตาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นมาแทนคำรัก
มิคาสึกิยิ้มตอบกลับ พร้อมเสียงแผ่วประโยคสุดท้าย ก่อนที่คำพูดจะถูกหลอมละลายไปกับไฟปรารถนา
"ท่านอิจิโกะ ข้าจะอยู่กับท่าน ... ตลอดไป ..."
ไม่ใช่ครั้งแรกที่มิคาสึกิได้ฉายแสงอ่อนเบาของเขาบนเตียงของอิจิโกะ
ความอ่อนโยนที่อิจิโกะมีต่อเขาเท่านั้น เมื่อได้หลอมรวมกับความรักยิ่งทำให้ทุกสัมผัสรู้สึกเด่นชัดและรัญจวนไปหมด
แววตาสีทองของอิจิโกะสะท้อนกับแสงระเรื่อสลัวของตัวมิคาสึกิเอง ดูราวกับผลึกอัญมณีที่แสนงดงาม
นิ้วมือที่เรียวแต่มีรอยด้านของการกำดาบเลื่อนไปตามผิวกายปลุกเร้าให้เขารู้สึกร้อนรุ่มไปหมด
... และรอยยิ้มอบอุ่นของราชันแห่งปีศาจชวนให้สติหลุดลอยไปไกล .....
แงงงงง อ่านแล้วเขินนน ฟินมากค่ะ!!!
ReplyDeleteขออภัยที่ตอบช้ามากค่า TT3TT
Deleteช่วงนี้ยุ่งมาก ไม่ได้แต่งฟิคต่อเลย ขอโทษค่าาาา
เราแอบเชียร์คู่นี้อย่างจริงจัง จนเริ่มไม่แอบแล้วล่ะค่ะ อิอิ
อิจิมิกะเองก็ดีงามนะคะ <3
//มาติ่งอิจิมิกะกันเถิดเอย <3
ฟิน~ ชอบคู่นี้มากเลยครับ!!
ReplyDelete