Sunday, January 17, 2016

Touken Ranbu Fanfiction - Tsurumaru Kuninaga x Ichigo Hitofuri - Shutter Chance!

แว่บมาแปะฟิคอีกเรื่องค่า
อันเนื่องมาจากว่าที่ญี่ปุ่นตอนนี้เซเว่นมีบริการพิมพ์รูปจากดาบค่ะ
ซึ่งก็เป็นรูปธรรมดาๆ น่ะแหละ 
แต่ทีนี้มันไม่ธรรมดาตรงที่ มีรูปวาดใหม่รูปนึงค่ะ!!
แล้วมันเป็นรูปบ้านอาวาตะกุจิที่น่ารักมากๆ เลย >__<
พอเมาท์ไปเมาท์มากับคนอื่น เลยกลายเป็นไอเดียแต่งฟิคค่ะ 

เป็นฟิค ทสึรุอิจิ ที่เป็น ทสึรุ --><-- อิจิ ค่ะ
ก่อนที่ทั้งสองคนจะคบหากัน 
ออกแนว 両片思い (ต่างฝ่ายต่างแอบชอบกันและกัน) และคอเมดี้ เพราะคนเขียนรักที่จะรังแกหนุ่มๆ ค่ะ อิอิ
เอาจริงๆ แต่งออกมาไหงกลายเป็นคอเมดี้มากกว่าที่คิดไว้ตอนแรกก็ไม่รู้
เนื้อเรื่องก็เปลี่ยนหน่อยๆ ด้วย

แต่งเทคเดียวจบอีกแล้วค่า
เจอส่วนที่แปลกๆ ท้วงติงได้เสมอนะคะ
ช่วงนี้ยุ่งๆ พอปลีกเวลามาแต่งฟิคได้หน่อย ก็จะไม่มีเวลาทวน ...
=_= ช่างเป็นนิสัยที่แย่จริงๆ ...
ยังไงก็ขอโทษท่านผู้อ่านไว้ด้วยค่า

========================================================
ซานิวะสาวเอาไม้เคาะหัวชายหนุ่มผมสีเงินยวงที่ด้านหน้าเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้และเอ็นดูเล็กๆ
เป็นอันเสร็จพิธีการซ่อมดาบ "ทสึรุมารุคุนินางะ" หลังจากการออกเดินทัพไปไกลจนได้แผลมาเต็มตัว
"ขอบคุณที่เหนื่อยนะ ทสึรุมารุ หลายวันมานี้ใช้งานนายซะคุ้มเลย"
นิ้วเรียวของแม่สาวน้อยบรรจงเก็บอุปกรณ์ในการซ่่อมแซมศาสตราอันเป็นร่างจริงของหนุ่มๆ ทั้งหลายในฮงมารุของเธอ
"นายก็ทำงานได้ดีนะ งั้นจะอนุญาตให้นายพักสักวันสองวันละกัน อยากได้รางวัลอะไรไหมล่ะ?"
เทพที่สถิตย์ใน ทสึรุมารุคุนินางะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดเพียงแว่บเดียว ก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า
"ไอ้นั่น! ที่อารุจิเอามาเล่นตอนงานวันปีใหม่น่ะ!"

Touken Ranbu Fanfiction - Tsurumaru Kuninaga x Ichigo Hitofuri - "Shutter Chance"
ปล. จริงๆ เป็น Tsuru -><- Ichigo มากกว่าค่ะ

ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานราวกับเจ้าชายเดินมายังระเบียงทางเดินที่ติดกับสวนตรงกลางบ้านแบบญี่ปุ่นซึ่งเป็น "ฮงมารุ" ของทุกคน
สายสมพัดเอากลีบซากุระพริ้วลอยมาตกบนเรือนผมสีน้ำทะเล
แต่เจ้าตัวไม่ใส่ใจ ยังคงก้าวเท้าต่อไปในสวนที่มีเหล่าเด็กๆ ในชุดสีเข้มคล้ายๆ กัน ส่งเสียงเฮฮาอยู่
เมื่อเด็กๆ เหล่านั้นหันมาเห็นร่างของผู้มาเยือน ต่างก็เริ่มหันมาส่งเสียงทักทาย
"พี่อิจิ!"
คนถูกเรียกชื่อยิ้มรับ และเดินเข้าใกล้มากขึ้น
ท่ามกลางร่างเล็กในชุดสีดำนั้น ยังมีร่างสีข่าวยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ 
ทสึรุมารุหันไปตามเสียงของเด็กๆ มีดสั้นก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
"ว่าไง คุณพี่ชาย"
อิจิโกะฮิโตฟุริตอบรับไมตรีด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าแล้วรีบหลบสายตาหันไปคุยกับน้องๆ แทน
"ทุกคนเล่นอะไรกันอยู่ครับ ไม่ได้กวนท่านทสึรุมารุใช่ไหม?"
พวกเด็กๆ พอได้ยินชื่อของกระเรียนหนุ่มก็ยิ่งส่งเสียงเฮขึ้นมาอีก
"พี่อิจิๆ ทสึรุมารุซังเขาเอาของดีๆ มาด้วยล่ะ"
มิดาเระรีบส่งเสียงหวานขึ้นมาเป็นคนแรก
"ของดีๆ ...?"
ตัวพี่ชายเอียงคอเล็กๆ ด้วยความสงสัย ทสึรุมารุจึงค่อยๆ เดินมาหาพร้อมกับยกบางอย่างในมือขึ้นมา
"นั่นมัน ... สิ่งที่อารุจิโดโนะนำมาเมื่อวันปีใหม่นี่ครับ ... รู้สึกจะเรียกว่า ... กล้องดิจิตอล"
"ถูกต้องแล้ว!" 
ทสึรุมารุตอบรับคำเสียงใสแล้วรีบกดรูปที่พึ่งถ่ายเสร็จโชว์
"อารุจิให้ชั้นยืมเป็นรางวัลที่ช่วงนี้ทำผลงานดีต่อเนื่องไงล่ะ ... นี่ๆ ... ดูนี่สิ ภาพมิดาเระที่ถ่ายเมื่อครู่ น่ารักใช่ไหมล่า"
อิจิโกะโน้มตัวลงมองแสงที่ส่องออกมาจากกล่องใบเล็กซึ่งเป็นภาพน้องชาย(?)แสนสวนของตนเองยืนยิ้มเคียงกับดอกซากุระ
"น่ารักมากเลยล่ะครับ มิดาเระ ถ่ายได้สวยมากเลยล่ะครับ ท่านทสึรุมารุ"
"ยังมีรูปอื่นๆ อีกนา"
ทสึรุมารุ พอถูกชมก็ยิ่งได้ใจ ก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับกดปุ่มเลื่อนรูปต่อๆ ไปอวด
พี่ชายที่แสนรักน้องพอได้ชมภาพน้องๆ น่ารักของตัวเองมากมายเต็มไปหมดก็ยิ้มออกมาไม่หยุด
"ไม่ว่าภาพไหนๆ ก็ออกมางดงามทั้งนั้นเลยครับ ขอบคุณท่านทสึรุมารุนะครับที่มาถ่ายรูปน้องๆ เช่นนี้"
อิจิโกะหันหน้าไปทางชายที่ถือกล้องอยู่ในมือโดยไม่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงมองกล้องอยู่เช่นเดียวกัน ใบหน้าของทสึรุมารุอยู่ในระยะใกล้จนแทบสัมผัสได้ทำให้เจ้าตัวตกใจจนตัวแข็ง พร้อมกับรู้สึกใบหน้าร้อนขึ้นมา
ทสึรุมารุรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมา ก็หันหน้ากลับไปหาบ้าง
แววตาสีทองกับริมฝีปากบาง และสีเลือดฝาดบนใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าทำให้กระเรียนหนุ่มลืมหายใจ ก่อนที่สีบนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีเดียวกัน
"... อิจิโกะ ..."
ทสึรุมารุเรียกชื่อของอีกฝ่ายแผ่วเบาพร้อมกับยกแขนอีกข้างที่ไม่ได้ถือกล้องขึ้น หวังจะโอบรอบเอวของอิจิโกะ 
แต่เสียงเรียกนั้นกลับกลายเป็นการเรียกสติของชายหนุ่มให้กลับคืนมา และพี่ชายที่แสนดีก็รีบผลักเขาออก รวมถึงเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็วราวกับจะซ่อนใบหน้าที่เปื้อนความเอียงอายและเสียงหัวใจของตัวเอง
ส่วนเจ้ากระเรียนได้แต่สะดุ้งโหยงแล้วหลบสายตาลง

ตอนนั้นเองที่ดาราหน้ากล้องคนสำคัญของวันส่งเสียงขึ้นมา
"อ๊ะ จริงด้วยสิ เราให้ทสึรุมารุซังถ่ายรูปรวมทุกคนดีกว่า"
มิดาเระหันไปหาพี่ชายของตัวเอง
"เรายังไม่มีรูปรวมกับพี่อิจิด้วยนะ อะไรนะ แบบที่มนุษย์ชอบทำกัน ... ถ่ายรูปครอบครัวอะไรเนี่ยแหละ
น้องๆ ของตระกูลอาวาตะกุจิต่างก็เห็นด้วยกันเป็นเสียงเดียว แน่นอนว่าคุณพี่ชายพอได้ยินคำว่าครอบครัวก็ยิ่งยิ้มหุบไม่ลง
"งั้นเป็นอันตกลงนะ! ทุกคนๆ มาถ่ายที่ใต้ต้นซากุระนี่เถอะ ทสึรุมารุซัง ถ่ายให้สวยๆ เลยน้า"
คนคิดริเริ่มรีบวิ่งไปใต้ต้นซากุระที่ใหญ่ที่สุดในสวน พลางหยิบกระจกพับออกมาจัดผมเสียใหญ่
เด็กๆ วิ่งเข้าไปยืนประจำที่ ส่วนพี่ชายคนโตค่อยๆ เดินอย่างสุขุม
"พี่อิจิอยู่ตรงกลางนะ!"
"จะดีหรือครับ มิดาเระอยู่ตรงกลางไม่ดีกว่าหรือ"
มิดาเระเพียงส่ายหัว 
"ไม่ได้หรอก ถ่ายรูปครอบครัว พี่อิจิก็ต้องอยู่ตรงกลางสิ ใช่ไหมพวกเรา"
เด็กๆ มีดสั้นพยักหน้ากันหงึกหงัก จนอิจิโกะอดลูบหัวแต่ละคนด้วยความเอ็นดูไม่ได้
"ใช่แล้วล่ะ เพราะพี่อิจิคือพี่อิจิของพวกเราไง"
เด็กตัวแสบอย่างนามาสุโอพูดขึ้นมาพร้อมประกายในแววตา แล้วใช้ศอกกระกระเซ้าโฮเนะบามิที่ยืนอยู่ข้างๆ 
โฮเนะบามิที่ปกติแล้วไม่ค่อยพูดและแสดงสีหน้า ทำเพียงตอบแค่ "ฮื่อ" พร้อมกับรอยยิ้มบางบนริมฝีปาก
"เอ้าๆ ยืนกันดีๆ หน่อย ใครตัวสูงไปอยู่ข้างหลัง"
ยะเก็นพูดพลางจัดระเบียบแถว แต่ตัวเองกลับหยุดยืนข้างพี่ชายไม่ยอมขยับ
บรรดามีดสั้นตัวเล็กอย่าง โกะโกไต อาคิตะ ฮิราโนะ มาเอดะ ต่างมายืนด้านหน้า มีดสั้นที่โตกว่าอย่าง อัตสึชิ ฮาคาตะ และโกะโต จึงหลบออกมายืนข้างๆ ยะเก็นแทน
มิดาเระแย่งตำแหน่งด้านหน้าสุดข้างพี่ชายคนโตเอาไว้ได้
ส่วนวากิซาชิกับอุจิคาตานะทั้งสามคนยืนเยื้องไปทางด้านหลังคนละข้างกับยะเก็น

"โอ้ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วนี่นา"
ตากล้องที่ยืนห่างออกไปไม่มากร้องทักขึ้นมา แล้วยกกล้องขึ้นมาส่อง
อยู่ดีๆ สายลมอ่อนก็เปลี่ยนเป็นลมแรงพัดมาเสียจนกิ่งซากุระไหวแรง และโรยดอกพร่างพรมลงมา
"อ๊ะ! อุตสาห์แต่งผม แบบนี้ก็ยุ่งหมดสิ!"
มิดาเระบ่นออกมา แต่อิจิโกะหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบดอกซากุระที่ร่วงลงกลางศีรษะของน้องชายออกมา แล้วทัดเข้ากับใบหูของเขา
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มิดาเระน่ารักเสมอล่ะ"
"... พี่อิจิ! รักพี่อิจินี่สุดเลย!" 
มิดาเระลูบผมตัวเองให้เรียบหนึ่งที ก่อนจะโผเข้ากอดแขนข้างซ้ายของอิจิโกะ 
พอเห็นมิดาเระกอดแขนของพี่ชาย อาคิตะที่ยืนอยู่อีกข้างนึงเลยขยับเข้ากอดแขนข้างขวาของอิจิโกะเสีย
"อ๊ะ ขี้โกงนี่นา พวกผมก็อยากกอดพี่อิจิบ้าง!"
ฮิราโนะกับมาเอดะส่งเสียงออกมา ก่อนจะโผเข้ากอดอาคิตะต่อกันมาเป็นทอดๆ
โกะโกไตที่ยืนอยู่ด้านหน้าของอิจิโกะยืนเก้ๆ กังๆ หันกลับไปมองพี่ชายคนโตของตัวเองสลับกับมองพี่ๆ ที่เกาะแกะอิจิโกะอยู่ และก้มหน้าลง
แน่นอนว่าภาพนั้นไม่ได้พ้นสายตาของอิจิโกะ เขาขยับแขนเล็กน้อยเพื่อดึงร่างเล็กเข้ากอดแนบกับตัวเอง
"พะ ... พี่อิจิ..."
โกะโกไตพูดด้วยเสียงประหม่าสั่น แต่อิจิโกะส่งยิ้มปลอบอย่างอบอุ่น ทำให้เด็กตัวเล็กส่งยิ้มร่าเริงออกมาบ้าง และยกแขนตัวเองขึ้นกอดพี่ชายตอบ ส่วนเจ้าเสือน้อยของเขาก็ไต่ขึ้นไปเกาะอยู่บนไหล่ของอิจิโกะ 

ทสึรุมารุยืนมองภาพบรรยากาศอบอุ่นของพี่ๆ น้องๆ ด้วยรอยยิ้ม 
และแล้วสายลมก็หยุดลงสนิท มีเพียงดอกไม้สีชมพูอ่อนที่ยังทิ้งตัวร่วงโรยลงมา
ทสึรุมารุยกกล้องขึ้นแล้วให้สัญญาณ
"เอ้า จะถ่ายล่ะนะ 1... 2... 3..."
เสียงถ่ายรูปดังขึ้น ก่อนที่ทสึรุมารุจะหันมายกนิ้วโป้งให้พร้อมยิงฟัน



"โอ้โห ... ทสึรุมารุซัง ... ไปเป็นตากล้องได้เลยนะเนี่ย"
พอกระเรียนขาวส่งกล้องกลับไปให้บ้านอาวาตะกุจิดู มิดาเระก็เอามือป้องปาก ถอนหายใจยาวด้วยความตกใจ
"ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย ทสึรุมารุซัง เรามาทำธุรกิจกันไหม!" 
ฮาคาตะเริ่มคว้าเอาเครื่องคิดเลขที่เหน็บอยู่กับเอวออกมากดด้วยความรวดเร็ว
"นั่นสินะครับ รอยยิ้มของทุกคนดูดีมากเลยนะครับ ..."
"งั้นไว้เดี๋ยวชั้นจะไปขออารุจิเอารูปออกมาให้นะ"
"ขอบคุณนะครับ"
อิจิโกะหันมายิ้มขอบคุณกับทสึรุมารุ แต่พอสายตาสบกัน เขากลับรีบเบือนหน้าหนี
"... กล้องนี่มันดีจริงๆ นะ ..."
พอพวกเด็กๆ ถือกล้องไปมุงดู ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว กระเรียนขายก็รำพึงออกมาเบาๆ
"นั่นสินะครับ สามารถเก็บภาพความทรงจำ ..."
อิจิโกะตอบคำยังไม่ทันจบ ทสึรุมารุก็รำพึงต่อขึ้นมา
"เพราะทุกคนที่มองกล้องจะต้องยิ้มให้ไงล่ะ"
"เอ๋?"
"ชั้นไม่ได้เห็นรอยยิ้มของนายนานแล้วนะ"
พี่ชายของตระกูลอาวาตะกุจิหันควับไปทางต้นเสียงโดยไม่ทันคิด แต่เมื่อดวงตาสีทองของทสึรุมารุจ้องกลับมา เขาก็หลบหน้าอีกครั้ง

"อิจิโกะ! ถ้าชั้นทำอะไรผิด นายก็บอกมาได้เลยนะ!"
คราวนี้ แม้จะถูกหลบหน้า กระเรียนกลับเป็นฝ่ายขยับเข้าใกล้แล้วจับมือทั้งสองของเจ้าชายหนุ่มขึ้น
"นายไม่ยิ้มให้ชั้น ไม่มองหน้าชั้นมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ..."
ใบหน้าสีขาวนวลที่มีรอยยิ้มทีเล่นทีจริงอยู่เสมอ ตอนนี้ดูหมองลง หากดวงตาสีผลึกอำพันนั้นยังมองตรงมาอย่างจริงจัง ความอบอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือทำให้อิจิโกะรู้สึกร้อนขึ้นมา 
เพียงแค่พริบตาเดียวที่อิจิโกะมองไปในดวงตานั้น เขาก็หลบสายตาอีก
"ขะ ... ขอโทษครับ ท่านทสึรุมารุไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับ ... เพียงแต่ ..."
"เพียงแต่ ...?"
กระเรียนหนุ่มทวนคำโดยไม่ทันได้เห็นว่าใบหน้าที่เบือนหนีกลายเป็นสีสตรอเบอรี่ไปเสียแล้ว
"ตะ ... ต้องขอโทษด้วยครับ ... แต่ว่าช่วงนี้ข้า ... พอเห็นหน้าท่านทสึรุมารุแล้ว ข้ากลับใจไม่สงบเอาเสียเลย ..."
"บะ ... บังเอิญจังนะ ช่วงนี้ชั้นก็เป็นเหมือนกัน มันเป็นเพราะอะไรกันนะ หรือว่าจะเป็นอาการป่วยของมนุษย์"
เจ้าตัวกระเรียนหัวเราะออกมาเบาๆ แต่อิจิโกะกลับพยายามดึงมือที่ถูกจับออก
"เอ่อ ... ปล่อยมือก่อนได้ไหมครับ? ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี ..."
"หา?" 
ทสึรุมารุตกใจเสียจนเผลอปล่อยมือที่จับมืออีกฝ่ายเอาไว้
"หรือว่า ... นี่นายเกลียดชั้นขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่จับมือก็รู้สึกไม่ดีแล้ว!?"
"มะ ไม่ใช่นะครับ!!"
อิจิโกะรีบร้อนจะแก้ไขความเข้าใจผิดจึงรีบหันหน้ากลับมาหาคู่สนทนา
"ข้าไม่ได้เกลียดท่านทสึรุมารุนะครับ! แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกร้อนรุ่มจนอึดอัดไปหมด ... ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ข้าทำสีหน้าแบบไหนอยู่กันแน่ ..."
ผลึกอำพันทั้งสองคู่ประสานกัน ทสึรุมารุเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของอิจิโกะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และยังมีท่าทีลุกลนไม่สมกับเป็นพี่ชายมาดเนี้ยบตามปกติ
หัวใจของตัวเขาเองก็เปลี่ยนจังหวะเต้นเป็นจังหวะระรัวเสียจนเสียงมันก้องขึ้นมาถึงสมอง พร้อมกับความรู้สึกร้อนที่รุมเร้าขึ้นมาเช่นกัน
"ยะ ... อย่ามองหน้าข้าตอนนี้เลยครับ!" 
อิจิโกะฮิโตฟุริหันหน้าหลบด้วยความไวสูงอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาหมุนตัวกลับ แล้วออกตัววิ่งไปทางเรือนของฮงมารุในทันที
"เดี๋ยว! อิจิโกะ!!" 
เจ้ากระเรียนได้แค่ส่งเสียงเรียกออกมา แน่นอนว่าร่างของเจ้าชายแห่งอาวาตะกุจิไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ปล่อยให้ทสึรุมารุคุนินางะยืนนิ่งอึ้งตาลอยอยู่คนเดียว

"ดันนะ ไปทำอะไรให้พี่อิจิโกรธอีกล่ะ? เผลอไม่ได้เชียวนะ"
น้องชายตัวเล็กที่นิสัยโตกว่าตัว พอเห็นพี่ชายของตัวเองวิ่งหนีไป จึงเดินมาหาตัวการ ยิงคำถามพร้อมกับยกมือขึ้นแตะไหล่
"..."
แต่คนถูกถามกลับยังเหม่อนิ่งไม่ไหวติง
"ดันนะ? เป็นอะไรรึเปล่า?"
ยะเก็นเดินมาด้านหน้าแล้วใช้สองมือจับไหล่ของกระเรียนขาวก่อนจะเขย่าเรียกสติ
สติที่ไม่รู้ลอยไปไหนก็กลับมาช้าๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่น
"... อย่างนี้นี่เอง ..."
เจ้ากระเรียนหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบาๆ โดยที่ยังไม่มองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลย
"ดันนะ? สมองยังดีอยู่ไหม? ตกลงใครทำอะไรกันแน่เนี่ย?"
"อย่างนี้นี่เอง"
ทสึรุมารุทวนคำกับตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะทรุดลงบนพื้นราวกับหมดแรง แล้วใช้มือทั้งสองของตัวเองกุมปิดใบหน้าที่เป็นสีสตรอเบอรี่ขึ้นมาใบฉับพลัน

=================================
... แถมท้าย ...
"ทสึรุมารุ ภาพที่ฝากอัดมา ได้แล้วนะ"
เจ้านายสาวยื่นซองสีขาวส่งให้กับกระเรียนหนุ่มที่แวะมารายงานผลการออกทัพ
"แล้วก็ ... เอ่อ ... นายก็กล้านะที่เอารูปพวกนั้นมาให้ชั้นอัด ดีนะที่ชั้นใช้ปรินเตอร์ของตัวเองปรินท์ออกมา ..."
หญิงสาวบ่นพร้อมกับเกาศีรษะตัวเอง
"ฮะ ฮะ ขอโทษนะ อารุจิ แล้วก็ขอบคุณด้วย"
เจ้ากระเรียนกล่าวคำขอบคุณแล้วลิงโลด (หรือกระเรียนโลด) เดินตัวลอยออกมาจากห้อง ก่อนจะเปิดซองออกมา แอบดูของภายใน
"... เดี๋ยวเอารูปไปให้มิดาเระจัง แล้วก็เอารูปครอบครัวอาวาตะกุจิไปแจกจ่าย ..."
เมื่อดึงรูปภาพที่พี่น้องอาวาตะกุจิทุกคนรวมตัวกันถ่ายออกมา ทสึรุมารุก็ยิ้มน้อยๆ พร้อมกับเสียงเต้นตึกตักในใจที่ดังขึ้น
ตอนนี้ที่เขารู้ความหมายของอาการนั้นแล้ว สีเลือดฝาดก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่แก้มขาวของเขา
แต่พอเขาดึงรูปที่อยู่ด้านหลังออกมา ...
"ดีจริงๆ ที่อัดรูปพวกนี้ออกมาด้วย <3"
รูปที่เหลือที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นรูปถ่ายของอิจิโกะฮิโตฟุริในหลากหลายอิริยาบท ที่ไม่มีแม้แต่ภาพเดียวที่เจ้าตัวมองกล้อง
กระเรียนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับตัวเอง
"ภาพนี้ถ่ายออกมาดีจัง ภาพนี้ก็ด้วย"
"ครับ ... ภาพนี้ก็ด้วย"
"ใช่่เลยล่ะ ภาพนี้ตอนอิจิโกะกำลังจะถอดเสื้อ เห็นผิวเนียน ... เนียน ......"
ทั้งที่คิดว่าตัวเองเดินอยู่คนเดียว แต่กลับมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาด้านหลัง 
ทสึรุมารุหันควับไปพร้อมหน้าซีดเหงื่อซ่ก ก็เจอชายในรูปยืนยิ้มให้ แต่มือของเขาชักดาบออกมากำแล้ว
"ท่านทสึรุมารุ ..."
"เดี๋ยว! อิจิโกะ นายมาได้ยังไง!?"
"อารุจิโดโนะบอกมาครับ ว่า 'ทสึรุมารุได้คอลเลคชั่นหนึ่งวันของอิจิโกะมาล่ะ' ..."
อิจิโกะกระชับดาบในมือแน่น ชี้ปลายไปทางเจ้าตัวแสบ
"แถมท่านยังบอกด้วยว่า 'มีรวมภาพวาบหวิวด้วยล่ะค่ะ' "
กระเรียนไม่รู้จะทำอย่างไร ในตอนนี้ได้แต่คิดแล้วคิดอีกว่าจะเอาชีวิตและเอา "คอลเลคชั่นหนึ่งวันของอิจิโกะ" กับ "รวมภาพวาบหวิว" ให้รอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
"... ส่งมานะครับ"
"อิจิโกะ ใจเย็นนะ ..."
"ข้าบอกให้ส่งมาไงครับ!"
"เรื่องอะไรล่ะ!"
ทสึรุมารุรีบโดดลงจากระเบียงไปยังสวน ก่อนจะพุ่งตัวออกไปอย่างสุดแรง
จึงทำให้สะดุดกับเชือกกับดักที่น้องๆ บ้านอาวาตะกุจิขึงเอาไว้เป็นกับดักอย่างสุดแรงเกิด
แล้วล้มกลิ้งไปกับพื้นอย่างดูไม่ได้
แต่ที่ดูไม่ได้ยิ่งกว่าคือ รูปในซองก็ปลิวกระจายออกมาด้วย
นอกจากรูปถ่ายของเด็กๆ บ้านอาวาตะกุจิและรูปครอบครัวในวันนั้น ยังมีรูปแอบถ่ายกิจกรรมในหนึ่งวันของอิจิโกะเต็มไปหมด
และส่วนหนึ่งที่ปลิวตกมาใกล้กับเท้าของอิจิโกะก็คือ ... ภาพถ่ายในขณะเปลี่ยนเสื้อ และภาพที่พยายามถ่ายแทรกชายเสื้อ สาบเสื้อของชุดยูกาตะหลังอาบน้ำ และภาพใบหน้าตอนหลับ ...

ทสึรุมารุค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับกุมศีรษะจากความเจ็บปวด แต่สิ่งแรกที่เขาได้เห็นหลังจากลืมตาขึ้นก็คือ ... ประกายเงาจากคมดาบของอิจิโกะฮิโตฟุริและบรรดาดาบสั้นมีดสั้นในตระกูลอาวาตะกุจิ ...
"อารุจิ๊!!!!!!"

"ชั้นบอกว่าชั้นอัดรูปให้ แต่ไม่ได้สัญญาว่าจะไม่บอกคนในรูปนี่นา"
ซานิวะสาวนั่งจิบชาอุ่นๆ อยู่ในห้องพร้อมกับอ่านหนังสือเอกเขนก เสียงนกร้องดังจากภายนอกฟังดูทรมาน แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
"อา ... วันนี้สงบสุขดีจัง ..."

-------------------------------------------------------------------
เกือบจะกลายเป็นฟิคพี่น้องอาวาตะกุจิแล้วววว XDDDDDDDDDD
ตอนแรกจะให้เป็นฟิคเลิฟๆ น่ารัก
ไปๆ มาๆ กลายเป็นฟิคที่สองคนยังไม่รู้จักความรู้สึกตัวเองซะนี่
แถมตอนท้ายนี่รู้สึกว่า ถ้าไม่ได้แกล้งทสึรุ ไม่ได้ให้ทสึรุเกรียนแล้ว เหมือนขาดอะไรไป 
เลยขอซานิวะแถมท้ายหน่อยนะคะ ;P

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านค่า~~

2 comments:

  1. น่ารักจังค่ะ

    ขำตอนสุดท้าย ทสึรุต้องเกรียนจริงๆแหละ ><

    อารุจิคงบอกถึงเหนื่อยซ่อมก็คุ้มค่าเอาคืน 5555

    //แอบถ่ายภาพวาบหวิวไปทำอะไรคะทสึรุ~

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้า ซนว ไม่ได้แกล้งแล้วเหมือนขาดอะไรไปค่ะ พ่อคนนี้ XDDDD
      ภาพวาบหวิวนี่ เจ้าตัวคงไม่ยอมบอกง่ายๆ ว่าเอาไปทำอะไรนะคะ อิอิ

      Delete