ฟิคเรื่องนี้เป็น AU หรือ เกงพาโร เรื่องเกิดในยุคปัจจุบัน
วิธีการพูดจาเรียกชื่อ มีการดัดแปลงบ้าง
ท่านผู้ใดไม่ชอบ กรุณาหลีกเลี่ยงค่า
ขอบคุณท่านเพื่อนที่ proof reading ให้นะคะ
แบบว่าเป็นพวกนิสัยเสีย เขียนแล้วไม่อ่านทวน อิอิ
ชื่นชมชื่นชอบหรือหมั่นไส้ไม่ชอบประการใด คอมเมนท์ได้เลยค่า
ขอบคุณค่า
Touken Ranbu Fanfiction (AU) - Tsurumaru Kuninaga x Ichigo Hitofuri
From Past ... Til Forever ep. 2
เสียงสะอื้นเบาๆ ของเพื่อนรอบข้าง และเสียงแสดงความยินดีเมื่อหลายปีก่อน แม้จนบัดนี้ก็ราวกับยังดังก้องอยู่ เมื่อเขานึกถึงเรื่องราวของวันเก่าๆ ที่แสนมีความสุข
เวลาที่ผ่านล่วงเลยมาแล้วถึงสี่ปี นับจากวันสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลายของ อาวาตะกุจิ อิจิโกะ ลูกชายคนโตของตระกูลอาวาตะกุจิผู้มั่งคั่ง
วันเวลาเหล่านั้นช่างแสนมีความสุข และเต็มไปด้วยเพื่อนดีๆ มากมาย
รวมถึง "คนรัก" ที่แสนวิเศษด้วย
อิจิโกะนั้น ได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เกียวโต ตามที่ทางบ้านต้องการ
ส่วนคนรักของเขา โกะโจ ทสึรุมารุ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลโกะโจ เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโตเกียว
ทั้งสองคนยังติดต่อไปมาหาสู่กันตลอด ... ในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีแรก
หลังจากนั้นการติดต่อจากทสึรุมารุ ทั้งทางอีเมล์ จดหมาย และโปสการ์ด กลับลดลงอย่างน่าใจหาย ...
... เสียจนในที่สุดการติดต่อนั้นก็ขาดหายไปโดยสิ้นเชิง ...
ในตอนแรกนั้น อิจิโกะรู้สึกร้อนรนเสียจนแทบจะทิ้งทุกสิ่งเพื่อกลับมาตามหาทสึรุมารุที่โตเกียว
แต่เขาก็เข้าใจฐานะของตนเองที่เป็น "ลูกชายคนโตของตระกูลอาวาตะกุจิ"
เขาจึงทำได้เพียงตั้งใจเรียนให้สมกับฐานะ
จนในที่สุด ...
ชายหนุ่มร่างบางหยิบกล่องกระดาษขนาดเพียงสองฝ่ามือมาจากห้องรับแขก เข้ามาตั้งไว้ในชั้นหนังสือภายในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ ปูผ้าสีเทาอ่อนอย่างดี ร่างของเขาดีดขึ้นตามแรงรับของเตียงนอนชั้นดีเล็กน้อยทำให้เรือนผมสีน้ำทะเลสั่นไหวไปด้วย
"เสร็จสักทีสินะ"
อาวาตะกุจิ อิจิโกะ รำพึงออกมาท่ามกลางความเงียบของห้องเพียงลำพัง
หลังจากผ่านไปสี่ปี ในที่สุดเขาก็ได้กลับมายังโตเกียว เมืองที่เขาเติบโตมา เพื่อมาทำงาน
อิจิโกะแยกตัวออกมาพักที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะได้พยายามใช้ชีวิตด้วยตนเองก่อน และนั่นเองก็เป็นความต้องการของทางตระกูลอยู่แล้วด้วย
ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นถูกย้ายจากเกียวโตมายังห้องที่หรูหราและใหญ่เกินกว่าจะเป็นห้องพักของชายโสดคนเดียวที่ยังหนุ่มอยู่ แต่ข้าวของส่วนตัวของเขากลับไม่เยอะมากเท่าไหร่ และใช้เวลาจัดเพียงสองวันก็เสร็จเรียบร้อยเป็นห้องที่เป็นระเบียบสวยงามตามนิสัยของเจ้าของห้อง
และเขายังมีเวลาอีกสามสี่วัน ก่อนที่จะเริ่มทำงานบริษัทแห่งแรกในชีวิต
วันนี้อิจิโกะตัดสินใจจะนอนพักผ่อนให้สมกับที่เหนื่อยจัดห้องมาสองวันเต็มๆ
"พรุ่งนี้ลองแวะไปดูแถวที่ทำงานหน่อยดีกว่าล่ะมั้ง ..."
ชายหนุ่มยังคงพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นเหนือศีรษะ เอาไปรษณียบัตรใบหนึ่งขึ้นส่องไฟ
"แล้วก็ ... นี่ด้วย ..."
ช่วงเวลาครึ่งวันเช้าหมดไปกับการซื้อของเล็กๆ น้อยๆ และของเข้าตู้เย็น จากซุปเปอร์มาร์เกตใกล้บ้าน จากนั้นอิจิโกะจึงนั่งรถไฟออกห่างไปไม่กี่สถานีเพื่อไปสำรวจรอบๆ บริษัทที่เขากำลังจะเข้าทำงาน
บริษัทนั้นเป็นบริษัทเทรดดิ้งเล็กๆ ที่ติดต่อระหว่างญี่ปุ่นกับต่างประเทศ ขนาดออฟฟิศเองก็ไม่ใหญ่มาก เป็นเพียงห้องเช่าในตึกที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟออกไปสิบนาที ระหว่างออฟฟิศกับสถานีนั้นจะต้องเดินผ่านบริเวณร้านอาหารที่ขนานไปกับถนนอีกเส้นที่มีร้านสำหรับยามค่ำคืนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร้านเหล้าอิซาคายะ หรือร้านที่ให้บริการดื่มเหล้าเคล้าเพศตรงข้าม
แต่บรรดาร้านรวงนั้นไม่อยู่ในความสนใจของชายหนุ่มเลย
หลังจากที่เขาหาตำแหน่งบริษัทที่ตนเองต้องมาทำงานเจอ เขาก็หยิบไปรษณียบัตรขึ้นมาอ่านที่อยู่ และเดินด้อมๆ มองๆ แถวนั้นราวกับหวังอะไรบางอย่าง
เวลาล่วงเลยจนแสงอาทิตย์เริ่มหม่นจาง แสงสว่างจากหลอดไฟเข้าแทนที่ ชายหนุ่มจึงถอนหายใจ แล้วเก็บไปรษณียบัตรใบนั้นเข้าในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตนเอง
อิจิโกะมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟโดยไม่ได้สนใจมองรอบข้างของตนเองเลย พอรู้สึกตัวอีกทีหนึ่ง เขาก็มาอยู่ท่ามกลางแสงสียามค่ำคืนที่เริ่มคึกคัก แสงไฟนีออนหลากสีส่องเย้ายั่วไม่ต่างจากสีเสื้อผ้าฉูดฉาดของหญิงสาวที่ยืนทักทายแขกเหรื่ออยู่หน้าร้าน เสียงหวานหูที่ฟังดูราวกับจงใจเคลือบด้วยน้ำตาลจนหวานบาดคอไม่ใช่ของหวานอันโอชะของอิจิโกะแต่อย่างใด ถัดจากร้านที่มีแม่สาวคนสวยส่งยิ้มมาให้เป็นร้านที่ไว้ล่อหลอกเหยื่อสาวๆ ที่มีชายหนุ่มรูปหล่อยืนเรียกลูกค้าแทน
อิจิโกะเพียงปรายตามองไปยังต้นเสียงวี้ดว้ายของหญิงสาวสี่คนที่หน้าร้านสีทะมึนนั้น ดูเหมือนพวกเธอจะกำลังทะเลาะแย่งชิงเวลาของโฮสต์หนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลาง
ดวงตาสีอำพันเข้มของชายหนุ่มเลื่อนจากชุดสูทสีขาวของตัวการกลางวงล้อมนั้นสูงขึ้นอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร โดยที่ความเร็วของการก้าวเท้าไม่ได้ลดลง
แต่เมื่อภาพที่ปรากฏขึ้นเลื่อนผ่านจากเนคไทสีขาวบนเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มไปยังใบหน้า ประกอบกับเสียงนุ่มทีเล่นทีจริงของชายโฮสต์คนนั้นที่ดังขึ้น
"ใจเย็นๆ ก่อนนะ ไม่ต้องแย่งกัน ..."
เมื่อดวงตาดั่งผลึกบุษราคัมอร่ามทั้งสองสอดประสาน
ฝีเท้าของอิจิโกะก็หยุดนิ่งสนิท
พร้อมๆ กับเสียงที่เงียบไปจากปากของทสึรุมารุ ...
No comments:
Post a Comment