ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้สดใสปลอดโปร่งไม่มีเมฆมาบดบังแม้เพียงสักนิด แต่ประกายดาวกลับไม่แจ่มจรัส เนื่องจากจันทร์เพ็ญฉายแสงอวดกายอยู่อย่างโดดเด่น
แสงนวลที่เยือกเย็นทิ้งทอดตัวไปตามพื้นโลก อาบชานระเบียงพื้นไม้แบบญี่ปุ่นให้คลายจากความมืดมิด
เสียงแกร๊กเบาๆ จากจอกสุราจรดตัวลงบนพื้นด้วยแรงของปลายนิ้วเรียวสีอ่อน ก่อนจะมีเสียงรินสุราไหลลงในจอกนั้นพร้อมกับการไหวของชายเสื้อสีน้ำเงินเข้มใกล้เคียงรัตติกาล
ในจอกเหล้าสะท้อนจันทร์เป็นลวดลายสีละมุน แต่หากไม่ใช่ลายจันทร์เพ็ญ กลับเป็นลายจันทร์เสี้ยวภายในแววตาของชายที่กำลังร่ำสุรา
ลำแขนขาวผอมเพรียวแต่ดูไม่ไร้กำลังเปิดเผยขึ้นราวกับจะอวดโฉมเมื่อเขายกจอกสุราขึ้นดื่มหมดภายในอึกเดียว
มืออีกข้างที่จับขวดเหล้าญี่ปุ่นใบเล็กออกแรงเขย่ามันเล็กน้อย เพียงพอให้รู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าภายใน
แล้วชายที่นั่งอยู่ริมชานก็เงยหน้ากลับขึ้นไปที่ดวงจันทร์พลางถอนใจ
เสียงกระเบื้องสัมผัสกับไม้ก้องดังขึ้นพร้อมร่างเงาใหญ่ ชายร่างบางหันไปมองทางต้นเสียงด้านข้างของตนเอง
ขวดสุราใบใหม่ถูกวางลงข้างกาย พร้อมกับเจ้าของร่างนั้นที่นั่งลงเคียงข้าง เรือนผมหนาสีเงินยวงพริ้วตามการขยับกาย แล้วใบหน้านั้นก็หันมามองหน้าเขาด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับทับทิม
"มิคาสึกิ เจ้านั่งชมจันทร์อยู่หรือ?"
ชายเจ้าของนามมิคาสึกิไม่ตอบกลับเป็นเสียง แต่พยักหน้าเบาๆ และใช้รอยยิ้มแทนคำตอบ
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอร่วมด้วยจะได้ไหม"
"ย่อมได้อยู่แล้วสิ โคกิทสึเนะมารุ"
ชายหนุ่มที่รูปร่างใหญ่กว่า โคกิทสึเนะมารุ ยิ้มตอบแล้วยกขวดเหล้าริมเมรัยสีใสลงในจอกของทั้งสองคน ...
Touken Ranbu Fanfiction - Kogitsunemaru x Mikazuki Munechika - คืนร่ำสุรา -
@ Mikazuki Side @
เมื่อสุราเย็นไหลรินผ่านลำคอ สัมผัสเย็นชื่นก็กลายเป็นความรุ่มร้อนที่ช่วยให้กายอบอุ่น
ข้าเลื่อนสายตาจากจันทรามาที่ชายที่นั่งเคียงข้าง
นับเวลาไม่รู้นานเท่าไหร่ที่เราไม่ได้พบกัน
จิ้งจอกหนุ่มที่ดูสดใสในสมัยนั้น บัดนี้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดูสุขุมขึ้นพร้อมกับกายแกร่งดูแข็งแรงกำยำ
"ไม่ได้ดื่มสุรากับเจ้านานขนาดไหนแล้วนะ"
เสียงนุ่มนวลนั้นส่งถามมาด้วยดวงตาคมสีแดงใสราวอัญมณี
แววตาที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นในกายได้มากกว่าสุราใดๆ
"นั่นสินะ กี่ร้อยปีแล้วที่เราต้องแยกจากกัน"
เวลาช่างแสนยาวนาน เมื่ออายุมากขึ้น ได้มองการผันผ่านของฤดูกาลรวมถึงผู้คน ทำให้ยิ่งรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
มนุษย์เกิดมา แล้วก็ล้มตายไป
มีทั้งความโกรธ เกลียด ความหลง ชิงชัง
แต่ก็มีทั้งความห่วงใย ความอ่อนโยน ความหวังดี และ ...
... ความรัก ...
เมื่อครั้งยังหนุ่ม ข้าเองก็ลุ่มหลงไปกับความรู้สึกนั้นเฉกเช่นมนุษย์
แต่เมื่อได้พานพบกับการลาจาก
และถูกกระแสแห่งเวลาเชี่ยวกรากพัดพา
ข้าก็คิดว่า ข้าสิ้นความรู้สึกต่างๆ และค่อยกลายเป็นเทพผู้ไร้จิตใจและเย่อหยิ่งจริงๆ
จนกระทั่ง ...
กระแสแห่งเวลานั้นได้พัดพาข้ากลับมายังที่เดิม
คือ เบื้องหน้าของจิตวิญญาณแห่งดาบเล่มนี้
มันทำให้ข้ารู้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้หายไป
มันเพียงแต่ถูกเก็บเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด
เพื่อรอวันกลับคืนมาสู่หัวใจของข้าอีกครั้ง
"เรือนผมของเจ้าก็ยังดูฟูนุ่มน่าจับต้องเช่นเดิม"
ข้าพูดติดตลกออกไป ก่อนยกจอกสุราขึ้นจรดริมฝีปาก ปล่อยให้ของเหลวไสไหลรินเข้าสู่ร่าง เพื่อเติมความกล้าในใจของข้า
ความกล้าที่จะยอมรับและหวนกลับสู่ความรู้สึกร้อนรุ่มหอมหวานของวัยหนุ่ม
"เจ้าจะจับมันไหมล่ะ"
จิ้งจอกหนุ่มในวัยหลายร้อยปีหยอกกลับด้วยท่าทางร่าเริง แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด
ข้ายกมือขึ้นสัมผัสปอยผมสีเงินไล่จากกลางหลังของเขาไล้สูงขึ้นไป
เส้นผมแต่ละเส้นราวกับเส้นไหมพริ้วสลวยไปตามแรงที่ต้อง ยิ่งไปกว่านั้นยังสะท้อนกับแสงจันทร์จนเป็นประกายระยิบ
สัมผัสเรียบลื่นนุ่มนวลทำให้ข้ารู้สึกเพลิดเพลินจนเผลอเป็นฝ่ายเคลื่อนตัวเข้าใกล้แล้วใช้ทั้งสองมือลูบไล้มันอย่างสนุกสนาน
"ฮะ ฮะ โคกิทสึเนะมารุ ขนของเจ้ายังชั้นหนึ่งไม่มีเปลี่ยน"
ข้ามองหน้าเขา ส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ
เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเองก็หันมาทางข้า
สายตาของเราประสานกัน ... เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี ...
ความเงียบและความลังเลก่อตัวขึ้นระหว่างเรา
ก่อนที่จะเป็นเขาที่เอ่ยปากขึ้นทำลายความเงียบนั้น
"ดวงตาของเจ้าก็ยังงดงามไม่เคยเปลี่ยน"
เสียงของเขาไม่ได้เปื้อนด้วยความร่าเริงอย่างเมื่อครู่ แต่กลับแฝงด้วยไออุ่นบางอย่างที่คล้ายกับความร้อนของฤทธิ์เหล้า
ทับทิมเม็ดงามเม็ดนั้นสะท้อนจันทร์เสี้ยวให้ปรากฏสู่สายตาของข้า
ข้าเผยอยิ้มก่อนตอบแววตาจริงจังนั้นอย่างยวนยั่ว
"เจ้าจะจดจ้องมันใกล้ๆ ไหมล่ะ"
แววตานั้นกลอกไปมาราวกับลังเลเพียงชั่วแว่บเดียว แล้วเขายิ่งขยับเข้ามาใกล้อีก
ใบหน้านั้นโน้มเข้าหาใกล้จนพาดเงาของเขาลงบนร่างของข้า
เรือนผมที่แสนนุ่มที่ถูกลูบไล้เมื่อครู่ก็ลงเคล้ากับไหล่ของข้า
"จันทราในตาของเจ้าก็ยังสวยงามเช่นเดิม ..."
ปลายจมูกคมสันนั้นอยู่ห่างกับปลายจมูกของข้าเพียงเส้นผม
ลมหายใจของชายตรงหน้าหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย
ข้ายิ้มน้อยๆ เรื่องราวในอดีตและความรู้สึกทั้งหลายหวนกลับมาอย่างแสนชวนให้คิดถึง
"... ราวกับมีมนต์สะกด ..."
เจ้าจิ้งจอกสำทับต่อ
ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นระหว่างเรา
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด
ราวกับเวลาหยุดนิ่ง และเวลาหลายร้อยปีที่เราต้องจากกันเป็นเพียงความฝัน
จันทราบนฟากฟ้ายังคงสวยงาม
สุรายังคงรสอร่อยลิ้น
ชายตรงหน้ายังมีแววตาจ้องมองตรงมาที่ข้า
แววตาที่ดูซื่อตรงเสียจนข้าลังเลว่าเจ้าจะคิดเช่นเดียวกับข้าหรือไม่
... อา เจ้าช่างไม่รู้ใจของข้าบ้างเลย ...
จึงได้ส่งสายตาที่แน่วแน่หนักแน่นนี่มาที่ข้า
ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นฝ่ายเริ่ม แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับรสชาติหวานหอมที่ริมฝีปากสัมผัสได้
สัมผัสอันนุ่มนวลค่อยเปลี่ยนเป็นรุกเร้าลึกล้ำปนประสานด้วยกลิ่นเหล้าที่ปลุกให้มึนเมารุ่มร้อน
ข้าได้แต่เพียงหวังว่า เมื่อจุมพิตที่แสนยาวนามนี้จบลง
สุรานี้จะช่วยให้ข้ามีความกล้าที่จะเอ่ยคำที่ข้าไม่อาจกล่าวแก่ชายคนนี้ได้เมื่อหลายร้อยปีก่อน
... คำเพียงสั้นๆ ที่มนุษย์ไว้กล่าวถึงความรู้สึกห่วงหาภายในใจของข้า ...
คำที่ข้าจะถ่ายทอดความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในกายของข้าเป็นเวลานาน
"โคกิทสึเนะมารุ ข้า ..."
===========================================
@ Kogitsunemaru Side @
เมื่อสุราเย็นไหลรินผ่านลำคอ สัมผัสเย็นชื่นก็กลายเป็นความรุ่มร้อนที่ช่วยให้กายอบอุ่น
ข้าเหลือบสายตามองชายที่นั่งเคียงข้าง ก่อนจะพบว่าดวงตาคู่นั้นจ้องมาทางนี้เช่นกัน
นับเวลาไม่รู้นานเท่าไหร่ที่เราไม่ได้พบกัน
เจ้าของดาบลือชื่อที่ว่าสวยงามที่สุดในใต้หล้า แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่กลับยังดูงดงามไม่เปลี่ยนทั้งเรือนผมสีน้ำเงินเข้มยามราตรี และผิวขาวนวลดุจดวงจันทร์
"ไม่ได้ดื่มสุรากับเจ้านานขนาดไหนแล้วนะ"
ข้าส่งเสียงถามเจ้าของดวงตาสีไพลิน
แววตาที่สงบเย็น แต่ทำให้ในกายของข้าเกิดความรุ่มร้อนได้มากกว่าสุราใดๆ
เสียงนั้นตอบกลับมาอย่างแผ่วเบาแต่กังวาล
"นั่นสินะ กี่ร้อยปีแล้วที่เราต้องแยกจากกัน"
เวลาช่างแสนยาวนาน หน้าที่ของดาบคือการห่ำหั่น
ผู้ชนะอยู่รอด ผู้แพ้ต้องสิ้นชีพ
ก่อนที่ดาบจะถูกส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่น จากมิตรสู่มิตร รวมถึงจากผู้ถูกสังหารสู่ผู้สังหาร
และมีความรู้สึกมากมายถ่ายทอดมา
ทั้งความเจ็บปวด หวาดกลัวต่อความตาย
ทั้งความโกรธเกลียดชิงชัง
ทั้งความสุขล้นของชัยชนะ และ ...
ความปิติอันมาจากการปกป้อง ... ผู้เป็นที่รัก ...
เมื่อกระแสแห่งเวลาได้พัดพาข้ามาสู่ยุคที่ดาบไม่ได้มีคุณค่าที่คมมีด
แต่เป็นประกายสะท้องเงาปลาบบนคมดาบ
กลิ่นเลือดที่คลุ้งด้วยความยินดีและคลั่งแค้นก็ค่อยจืดจางไปจากกายของข้า
จนบางครั้งข้าก็คิดว่าข้ากำลังจะสิ้นความรู้สึกต่างๆ
และค่อยๆ กลายเป็นเพียงเทพผู้ไร้จิตใจ ที่เพียงแค่สิงสู่อยู่ในดาบเท่านั้น
จนกระทั่ง ...
กระแสแห่งเวลานั้นได้พัดพาข้ากลับมายังที่เดิม
คือ เบื้องหน้าของจิตวิญญาณแห่งดาบเล่มนี้
มันทำให้ข้ารู้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้หายไป
มันเพียงแต่ถูกเก็บเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด
เพื่อรอวันกลับคืนมาสู่หัวใจของข้าอีกครั้ง
"เรือนผมของเจ้าก็ยังดูฟูนุ่มน่าจับต้องเช่นเดิม"
เสียงกังวาลนั้นกล่าวหยอกล้อ ก่อนยกจอกสุราขึ้นจรดริมฝีปาก
ข้ามองลำคอขาวผ่องไหวเมื่อของเหลวไสไหลเข้าไปในร่างกาย
คำพูดของเขาสะกิดใจของข้าพอๆ กับผิวกายเพียงไม่มากที่เปิดเผยออกมาจากอาภรณ์
ข้ายกจอกสุราในมือของตนเองขึ้นดื่มจนหมดในคราเดียว
หยาดน้ำหอมหวานที่ช่วยเติมความกล้า
ความกล้าที่จะให้สิ่งที่ถูกเก็บงำไว้ภายในได้ย้อนหวนสู่ความรู้สึกร้อนรุ่มพุ่งพล่านอีกครั้ง
"เจ้าจะจับมันไหมล่ะ"
เมรัยเป็นเครื่องช่วยให้ความปรารถนาในกายแสดงออกมาได้ง่าย
ข้าพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแกมหยอก พร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้ชายตรงหน้าขึ้นอีกนิดหนึ่ง
เขาทำสีหน้าแปลกใจเพียงครู่เดียว แล้วเปลี่ยนกลับเป็นรอยยิ้มบาง พลางยกมือขึ้นสัมผัสผมของข้าไล่จากกลางหลังขึ้นสูง
ฝ่ามือนั้นใหญ่สมกับเป็นชาย แต่กลับมีนิ้วเรียวงาม และผิวสัมผัสที่เรียบนุ่มราวกับสตรี
ข้าแอบมองใบหน้านั้นที่ดวงตาเริ่มเป็นประกาย ก่อนที่ริมฝีปากจะยิ่งเผยอยิ้ม
สัมผัสที่ผมของข้าก็เพิ่มเป็นสองมือ และกายของเขาก็เข้ามาใกล้ชิดกว่าเดิม
แม้ว่ามือของเขาจะแสนนุ่มอุ่น แต่เมื่อต้องกายของข้า ส่วนที่ต้องโดนนั้นจะรู้สึกร้อนวูบขึ้นมา
... อา มิใช่เพียงกาย แต่ใจของข้าเองด้วยสินะ ...
"ฮะ ฮะ โคกิทสึเนะมารุ ขนของเจ้ายังชั้นหนึ่งไม่มีเปลี่ยน"
เขาหันมามองใบหน้าของข้าและส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยท่าทางพออกพอใจ
เขาคงไม่รู้ว่าข้าแอบมองเขามาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
สายตาของเราประสานกัน ... เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี ...
ความเงียบและความลังเลก่อตัวขึ้นระหว่างเรา
ใจของข้าที่เพลิงคุกรุ่นถูกจุดขึ้นด้วยมนตราจากแสงเย็นของจันทราในนัยน์ตาของเขา และข้าก็เอ่ยปากขึ้น
"ดวงตาของเจ้าก็ยังงดงามไม่เคยเปลี่ยน"
เสียงของข้าคงฟังดูร้อนเร่าและร้อนรนด้วยฤทธิ์เหล้าและมนต์สะกดของดวงจันทร์
ข้ามองจ้องไปที่จันทร์เสี้ยวในตาของชายตรงหน้าราวกับหวังให้เพลิงในกายของข้าได้ถ่ายทอดสู่เจ้าผลึกไพลินสีเข้มนั่น
เขาเผยอยิ้มขึ้นก่อนส่งสายตาชม้อยชม้ายเย้ายวนมา
"เจ้าจะจดจ้องมันใกล้ๆ ไหมล่ะ"
ข้าเผลอลังเลเพียงชั่วแวบเดียว ก่อนจะปล่อยกายไปตามเสียงเรียกร้องจากภายใน โดยขยับเข้ามาใกล้ร่างนั้นอีก
ข้าโน้นใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าของชายตรงหน้า
เงาของข้าเองพาดทับร่างกายของเขาราวกับจะครอบครองทุกสิ่ง
ทุกสิ่งที่ข้าเคยได้สัมผัส แต่กลับไม่เคยพูดได้ว่าเป็นของตน
ก่อนที่จะต้องแยกจากกันนานเสียจนข้าเกือบลืมสัมผัสเหล่านั้น
"จันทราในตาของเจ้าก็ยังสวยงามเช่นเดิม ..."
ปลายจมูกโด่งได้รูปนั้นอยู่ห่างกับปลายจมูกของข้าเพียงเส้นผม
ลมหายใจของชายตรงหน้าหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย
ในใจของข้าราวกับถูกเพลิงโหม เรื่องราวในอดีตและความรู้สึกทั้งหลายหวนกลับมาอย่างแสนชวนให้โหยหา
"... ราวกับมีมนต์สะกด ..."
ใช่ ข้าต้องมนต์สะกดของจันทรามาเป็นเวลาแสนนาน
ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นระหว่างเรา
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด
ราวกับเวลาหยุดนิ่ง และเวลาหลายร้อยปีที่เราต้องจากกันเป็นเพียงความฝัน
จันทราบนฟากฟ้ายังคงสวยงาม
สุรายังคงรสอร่อยลิ้น
ชายตรงหน้ายังมีแววตาจ้องมองตรงมาที่ข้า
แววตาที่ดูยั่วเย้าเย็นจนข้าลังเลว่าเจ้าจะคิดเช่นเดียวกับข้าหรือไม่
... อา เจ้าช่างไม่รู้ใจของข้าบ้างเลย ...
จึงได้ส่งสายตาที่ราวกับจะล่อหลอกนี่มาที่ข้า
ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นฝ่ายเริ่ม แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับรสชาติหวานหอมที่ริมฝีปากสัมผัสได้
สัมผัสอันนุ่มนวลค่อยเปลี่ยนเป็นรุกเร้าลึกล้ำปนประสานด้วยกลิ่นเหล้าที่ปลุกให้มึนเมารุ่มร้อน
ข้าได้แต่เพียงหวังว่า เมื่อจุมพิตที่แสนยาวนามนี้จบลง
สุรานี้จะช่วยให้ข้ามีความกล้าที่จะเอ่ยคำที่ข้าไม่อาจกล่าวแก่ชายคนนี้ได้เมื่อหลายร้อยปีก่อน
... คำเพียงสั้นๆ ที่มนุษย์ไว้กล่าวถึงความรู้สึกปรารถนาภายในใจของข้า ...
คำที่ข้าจะถ่ายทอดความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในกายของข้าเป็นเวลานาน
"มิคาสึกิ ข้า ..."
=================================================
แต่นแต๊นนนน
ฟิคนี้เป็นฟิคคั่นจังหวะ!
//อ้าว =3=
จริงๆ ฟิคนี้เป็นฟิคแก้บน+ล้างแค้น ตอนที่เล่นไงๆ ปู่กับพี่จิ้งก็ไม่ออกมาซะที
เลยประกาศกร้าวไปทีนึงว่า ถ้าใครมาก่อนจะแต่งฟิคให้เป็นเมะนะ!!!
จนหนุ่มๆ ออกมาหมดแล้วก็ยังไม่ได้แต่งซะที
นี่กะว่าอยากลองแต่งเรื่องยาว(มั้ง) ดูบ้าง เลยมาเคลียร์ซะก่อน
เลยเป็นการแต่งระบบไฮสปีด คุณภาพอาจจะตกบ้าง XDDDDDD
ต้องขออภัยท่านผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่า
แต่พลิกแนวนิด เพราะเคยสั่นวาจาว่าจะแต่ติดเรทเอาให้เคะสะบักสะบอม โทษฐานไม่ยอมปรากฏตัว ฮาาาาา
แต่สุดท้ายกลายเป็นแนวนุ่มๆ นิ่มๆ ที่อาจจะดูยากว่าใครเมะใครเคะกันแน่
เซ็ตติ้งความสัมพันธ์ของสองคนนี้คือในสมัยก่อนกิ๊กกัน แต่ไม่มีใครยอมบอกรักใคร จนกระทั่งต้องถูกแยกกันไปคนละทิศ
และก็เซ็ทให้สองคนเคยมีเวลาอยู่ร่วมกันพักใหญ่
ซึ่งก็แตกต่างจากประวัติศาสตร์ดาบจริงของสองเล่มนี้
เอาเป็นว่าโลกคู่ขนานละกันนะคะ XDDDDDDD
หวังว่าคนอ่านจะสนุกโดยอย่าไปสนใจรายละเอียดเอาแต่ใจของคนเขียนเลยเนอะ อิอิ
ขอบคุณค่า <3
No comments:
Post a Comment