Friday, March 27, 2015

[Tourabu] Touken Ranbu Fanfiction - Mikazuki Munechika x Saniwa - วิวาห์สามราตรี Side story -ทิวา-

Touken Ranbu Fanfiction - Mikazuki Munechika x Saniwa - วิวาห์สามราตรี
Side story -ทิวา-
ทิวาที่หนึ่ง ...
ไม่ใช่แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องทะลุผ่านกระดาษบางประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่น แต่เป็นเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเคล้าคลอกันไปต่างหากที่ปลุกข้าให้ตื่นขึ้น
เมื่อเปลือกตาทั้งสองค่อยเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า
ข้าก็พบว่าความอบอุ่นนุ่มนวลข้างกายได้หายไปเสียแล้ว ...
ข้าลุกขึ้นนั่งบนฟูก ก่อนใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ที่นอนด้านข้างของตนเอง
ความอบอุ่นและกลิ่นหอมหวานของสตรียังเหลืออยู่อย่างผิวแผ่วเสียจนข้าสงสัยว่าทุกอย่างเป็นความฝันหรือไม่
แต่เมื่อเลิกผ้าห่มขึ้นมา
รอยแดงฉานอันเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันในชั่วข้ามคืนยังเปรอะเปื้อนอยู่ตรงนั้น
ข้ามองรอยนั้นพร้อมกับยิ้มย่องให้กับตนเอง
แต่ข้าก็อดสงสัยไม่ได้ว่านางเป็นใครกัน
ทำไมจึงมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าในค่ำคื่นที่ผ่านมา
ภาพของหญิงสาวสะโอดสะองค์ที่เกินวัยแรกแย้มไปแล้วพร้อมรอยยิ้มค่อยๆ ผุดขึ้นมาในหัวของข้า
นางมีรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ดวงตาเป็นประกายอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ก่อนลับฟ้าที่สะท้อนในสระน้ำ
และดวงตานั้นสั่นสะเทิ้มหยาดเยิ้มไปด้วยความสับสนและความปรารถนาเมื่ออยู่ภายใต้ร่างของข้า
นางไม่ใช่สตรีในวัยหาคู่ครองแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น นางยังคงความบริสุทธิ์จนถึงเมื่อคืนได้
คืนที่ข้าได้พรากความสาวไปจากนาง
ข้าควรที่จะไม่ใส่ใจ เนื่องจากนางเป็นผู้ยื่นสิ่งนั้นมาต่อหน้าข้า
ด้วยการปรากฏตัวต่อหน้าชายเยี่ยงข้าถึงห้องของข้าในยามวิกาลเช่นนั้น
แต่ ... เหตุใด ทำไมข้าจึงไม่สามารถลืมเลือนทั้งรอยยิ้มอันสดใสและเสียงครวญครางอันเย้ายวนนั้นได้เลย ...
เสียงนกภายนอกห้องยังร้องประสานกัน ราวกับนกคู่คลึงเคล้าทวนคำรัก
ช่างน่าแปลกเหลือเกินว่า ทำไมถึงทำให้ข้ารู้สึกหงุดหงิดกับเสียงนั้นขึ้นมาได้ ...
ทิวาที่สอง ...
ดวงตาของข้าเบิกขึ้นเพราะประตูถูกเลื่อนออก
อรุณนี้ไม่ใช่เสียงนกร้อง แต่เป็นเสียงจิ้งจอกหรอกหรือ
ผู้ที่เปิดประตูออกหาใช่ใครอื่น แต่เป็นญาติสนิทและมิตรสหายมาแต่กาลก่อน ผู้สืบนามมาจากเทพจิ้งจอก โคกิทสึเนะมารุ
"อะไรกัน เจ้าเองหรือ"
ข้าลุกขึ้นอย่างงัวเงีย พลางเอามือขยี้ตา
"วันนี้เจ้าต้องออกไปข้างนอกไม่ใช่รึไง ข้าจึงมาปลุก เพราะเห็นว่านี่ก็เริ่มสายแล้ว"
โคกิทสึเนะพูดด้วยน้ำเสียงดูเบื่อหน่ายในความใจเย็นของข้าที่บรรจงเดินอย่างอ้อยอิ่งเพื่อไปหยิบชุด
"โคกิทสึเนะมารุ"
"หือ?"
ข้าหยิบชุดสีน้ำเงินเข้มขึ้น หันหน้าไปมองทางเขา
"ช่วยข้าใส่ชุดหน่อยสิ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ถนัด"
เจ้าจิ้งจอกยกมือขึ้นกุมขมับอย่างระอาใจอีกครั้ง แล้วเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อแขนของข้าสอดผ่านแขนเสื้อลอดออกมา โคกิทสึเนะมารุก็เอื้อมมือไปหยิบเครื่องประดับอื่นๆ ที่วางบนโต๊ะ เขาทำจมูกฟุดฟิดสองสามทีราวกับได้กลิ่นอะไรจากบริเวณนั้น แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป
"จริงสิ ข้าได้ยินว่าท่านมิคาสึกิพาผู้หญิงเข้ามา"
ดวงตาของจิ้งจอกหรี่ลงมองหน้าข้าพร้อมเสียงหัวเราะหึๆ
ข้าสบสายตาของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมาเช่นกัน
"ข้าไม่ได้พามา ... นางมาเองต่างหาก"
คำตอบของข้าทำให้โคกิทสึเนะมารุหยุดมือ แล้วส่งเสียงร้องออกมา
"ช่างเป็นหญิงที่ใจกล้าแท้! หรือนางจะเป็นหญิงบริการเหล่านั้น?"
ข้าไม่สนใจสีหน้าของเขา แต่ส่งสายตาเป็นเชิงให้รู้ว่าอย่าหยุดมือ
"ข้าคิดว่าคงไม่ใช่ นางยังเป็นสาวพรหมจรรย์จนถึงเมื่อคืนก่อน ทั้งที่นางเอกก็ไม่ใช่เด็กสาวแล้ว"
เสียงเครื่องประดับโลหะแต่ละชิ้นกระทบกันดังกริ๊งสะท้อนคลอไปกับบทสนทนาของชายทั้งสอง
"ถ้าเช่นนั้น มิคาสึกิ เจ้าก็เป็นชายคนแรกของนางน่ะสิ"
... ชายคนแรก ...
นั่นสินะ
คำนั้นทำให้ข้าเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
"แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรกับนาง?"
ข้าไม่พูดอะไร แต่เอื้อมมือไปยังตะเกียงที่วางบนโต๊ะ ก่อนใช้นิ้วเคาะสองสามครั้งให้เกิดเสียงกังวาล เจ้าจิ้งจอกไม่เข้าใจความหมาย เอียงคอสงสัย ข้าจึงเอ่ยปากอธิบายต่อ
"นางเป็นฝ่ายมาที่ห้องของข้า ที่นี่จึงไม่มีโคม"
... หากข้าเป็นคนแรกของนาง
ข้าก็จะเป็นคนสุดท้ายของนางด้วย ...
คราวนี้โคกิทสึเนะเบิกตาโพลง เชือกรัดผมของข้าหลุดออกจากมือร่วงหล่นสู่พื้น เดือดร้อนให้ข้าต้องก้มลงเก็บมันขึ้นมา
"เจ้าเอาจริงเหรอ มิคาสึกิ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นใคร"
"นางเหรอ? นางก็เป็นเทพยดาแห่งรัตติกาลน่ะสิ"
ข้าพูดระคนเสียงหัวเราะ ก่อนจะหันหลังเพื่อให้โคกิทสึเนะมารุผูกเชือกรัดผมให้
เสียงถอนหายใจของโคกิทสึเนะมารุดังขึ้นจากเบื้องหลัง
"เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คืนนี้นางจะมาหาเจ้าหรือไม่?"
เสียงหัวเราะของข้ายังดังอยู่ และข้าก็ตอบเขาไป
"นางต้องมาแน่"
โคกิทสึเนะมารุเห็นเพียงแผ่นหลังของข้า
เขาจึงไม่ทันได้เห็นว่า เมื่อคำพูดของเขาถูกเปล่งออกมา มันทำให้ข้ารู้สึกขมุกขมัวภายในอก แถมยังบีดรัดรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มิคาสึกิ มุเนจิกะ ดาบที่งดงามที่สุดในใต้หล้า
และไม่มีใครที่จะไม่ต้องมนต์เสน่ห์ของจันทร์เสี้ยวในดวงตาของข้าได้
แต่ ... ความรู้สึกมั่นใจนั้นกลับสั่นคลอน
เพียงเพราะสตรีที่ข้าพานพบได้เพียงสองคืน
สตรีที่ข้าไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนาม
หากนางไม่ใช่เทพยดา
แต่เป็นภูติพรายร้ายที่มาเพียงเพื่อหลอนหลอกจิตใจชาย
ข้าจะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่พึ่งเกิดขึ้นในใจของข้า
ความรู้สึกที่ไม่เคยคิดว่าดาบอย่างข้าจะเข้าใจและรู้สึกได้
มนุษย์ ...
เรียกมันว่า "ความรัก"
ทิวาที่สาม ...
แม้ข้าจะโอบกอดร่างบางนั้นเอาไว้
แต่เมื่อสุริยาแย้มฟากฟ้าจนราตรีสลายไป
แม่เทพยดาแห่งรัตติกาลก็หายไปราวกับสายหมอก
ข้าลืมตาตื่นขึ้นด้วยความว่างเปล่าในวงแขนและในอก
ความอบอุ่นจากกายของนางหายไปจนทำให้ในใจของข้าพลอยหนาวยะเยือกไปด้วย
ข้าคิด ...
จะกอดนางเอาไว้ ให้นางไม่สามารถไปจากข้าได้
แต่กลับกลายเป็นข้าที่ห่วงหานาง
ข้าจูบนางฝากรอยเอาไว้ทั่วกาย เพื่อให้นางไม่สามารถลืมเรื่องของข้าได้
แต่กลับกลายเป็นข้าที่มีภาพของนางสลักอยู่ในความทรงจำทุกเสี้ยว
และบัดนี้ นางหายตัวไป ... ทั้งที่นางเป็น "ภรรยา" ของข้าแล้ว
เสียงนกร้องเคียงคู่ภายนอกยิ่งทำให้อารมณ์ของข้าปั่นป่วน
... อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ...
ช่างน่าขันนักที่หนึ่งในห้าดาบยิ่งใหญ่ใต้หล้ากลับมีความรักให้กับสตรี
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสตรีที่เกินเอื้อม
ข้าหัวเราะออกมา
แน่นอนว่ามันคือการเย้ยหยันตนเอง
ข้าทำให้นางกลายเป็นภรรยาของข้า
เพื่อที่จะได้ครอบครองนาง
แต่กลายเป็นตัวข้าเองที่ถูกนางครอบครอง
และต้องเฝ้ารอการมาของนางเรื่อยไป
หากข้าร้องขอให้เจ้าอยู่ที่นี่
เจ้าจะยอมอยู่ที่นี่กับข้าไหม?
แต่เกียรติ์ ศักดิ์ศรีของข้ามันค้ำไม่ให้คำพูดเหล่านั้นรินไหลออกมา
พร้อมกับย้อมสีหน้าของข้าให้ดูเยือกเย็นและเย่อหยิ่ง
ทั้งที่ใจจริง ข้าไม่อยากให้นางห่างจากกายข้าแม้เพียงเสี้ยวเวลาเดียว
ข้าก้มลงมองนิ้วมือทั้งสิบ ก่อนประสานมันเข้าหากัน เพื่อหวังว่ากลิ่นอายของนางที่กุมเกี่ยวแต่ละเรียวนิ้วแน่นเมื่อยามราตรีจะยังหลงเหลืออยู่บนกายของข้า
ยิ่งลูบไล้ก็ยิ่งสัมผัสได้เพียงฝ่ามือแกร่งของตนเอง
ยิ่งเน้นย้ำว่า นางไม่อยู่ตรงนี้
ก็ช่างน่าหน่ายใจที่พออายุมากแล้วทำให้ยิ่งสัมผัสได้ถึงอะไรหลายๆ สิ่งที่เหนือเหตุและผล
ข้าหวั่น ... ว่าหากผ่านค่ำคืนนี้ไปแล้ว ข้าจะไม่ได้พบกับนางอีก ...
แม้ว่าจะสัมผัสได้ถึงหลายสิ่ง ที่ไม่น่าล่วงรู้ได้
แต่กับนาง ข้ากลับไม่รู้อะไรเลย ได้แต่เพียงกังวล รุ่มร้อนใจ สับสน ราวกับเป็นเด็กหนุ่มผู้ไม่ประสีประสาต่อโลก
เมื่อนางหายตัวไป ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นราวกับทำให้จันทร์เสี้ยวของข้ายิ่งแหว่งเว้า
ข้าหวนนึกถึงคำพูดหนึ่งที่ข้ากระซิบต่อนาง และไม่รู้ว่านางจะได้ยินมันไหม
และนางจะคิดกับมันอย่างไร
"ท่านไม่บอกอะไรกับข้าเลย"
ข้าส่งเสียงรำพึงกับตนเอง
"ช่างร้ายนัก แม่เทพยดาแห่งรัตติกาล ......"
เมื่อกล่าวถึงนางอีกครั้ง ยิ่งทำให้ดวงจันทร์ที่ไม่เคยเต็มของข้าสั่นไหว
ข้าหลับตาลง ซ่อนความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ภายใต้สีหน้าเยือกเย็นอีกครั้ง
พลางก้าวขาเดินออกไปเปิดประตูเลื่อนเพื่อรับแสงและลมจากภายนอก
ท้องฟ้าสีหม่นกับลมหนาวยังคงพัดอยู่แม้ว่านี่จะย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว
แม้แต่ดอกตูมของซากุระในสวนเองก็แทบปลิดร่างตัวเองทิ้งตัวสู่พื้นแห้งผากยะเยือก
ดินฟ้าอากาศดูพิลึกเลือนลั่น
ฉับพลันเมฆทึบก็ปราดเข้าปกคลุมทั่วท้องฟ้าพร้อมลมกรรโฉกแรง เสียงฟ้าคำรามลั่นไปทั่วราวกับเสียงอสูรกาย พระอาทิตย์ลับหาย แต่ไร้จันทราหรือดวงดาราเปล่งประดับ ความมืดเข้าปกคลุม ก่อนจะมีแสงฟ้าผ่ากรีดผ่านภาออกเป็นรอยแยก
แม้เพียงพริบตาเดียว แต่ข้าสัมผัสได้ถึงจิตอันดำมืดที่แตกฮือกระโจนกายสู่พื้นดิน
"... นี่มันอาเพศอะไรกัน ..."
ข้าตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า หากแต่เสียงกระพรวนใสหนึ่งดังขึ้น
เสียงหวานของสตรีก็ดังตามมา แม้จะได้ยินไม่ชัดเจน
"... มาหาฉันสิ ... มิคะสึกิ ... เป็นพลังให้กับฉัน ..."
ใจของข้าเย็นวาบยิ่งกว่าอากาศ มองหันซ้ายขวาไปมาอย่างร้อนใจ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้
พอหันกลับไปในห้องที่ตนเองได้สัมผัสไออุ่นของนาง ก็พอต้นเสียงเป็นประกายแสงเบาบางสถิตย์อยู่
ข้าเดินเข้าไปหา พร้อมกับยื่นมือไปโดยมิได้หวั่นเกรง
แต่ทันทีที่ปลายนิ้วของข้าแตะต้องโดนไออุ่นนั้น
ฟากฟ้าส่งเสียงขู่ตะโกนก้องพร้อมกับแสงสว่างจ้าเสียจนทุกสิ่งกลายเป็นสีขาว
เมื่อแสงนั้นจากไป รอบข้างข้าก็กลับไปเช่นปกติ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ...
เสียงนั้นเป็นเสียงที่คุ้นหู
เป็นเสียงหวานที่ข้าได้ยินมาตลอดสามคืน
เพียงแต่เสียงนั้นไม่เคยเรียกชื่อของข้า
เศษเสี้ยวของความอบอุ่นที่สัมผัสได้ยังหลงเหลืออยู่ที่ปลายนิ้ว
ข้ายกมือขึ้น เอาปลายนิ้วนั้นแตะริมฝีปากของตนอย่างแผ่วเบา แล้วขยับยิ้มขึ้นมา
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรข้าก็ไม่อาจรู้
และความอาเพศนั้นจะอันตรายเพียงใดข้าก็ไม่ใส่ใจ
สิ่งที่ข้ารู้ และทำให้ข้ารู้สึกรื่นรมย์ขึ้นมาได้ก็คือ
ข้ามั่นใจแล้วว่า
อีกไม่นาน ข้าต้องได้พบกับเจ้าอีกแน่นอน ...
ภรรยาอันเป็นที่รักของข้า ......

===========================================
แท่นแท๊นนนนนนน
อันนี้เป็นบทของปู่แทนว่าคิดยังไงกับการเต๊าะสาวแรกพบ ฮาาาาา
จริงๆ ปู่นี่นิสัยเสียเนอะ XDDDDDDDD
คิดฉากจบของทิวาที่สามนานมาก
เพราะจริงๆ ที่เขียนอันนี้ เมนเรื่องที่คิดได้มีทิวาที่สอง วันเดียว XDDDDDDDD
คือ อยากจะเขียนแค่ว่า ปู่ที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก พอมีความรักแล้วก็ยังแอบหวั่นไหว แต่ก็ไม่แสดงออกอยู่ดี เพราะหยิ่งในตัวเองสูง อิอิ
ฉากจบทำให้ต้องมานั่งคิดใหม่ว่า เออ จริงๆ แล้วโลกของโทราบุเป็นยังไง อะไรเกิดขึ้นโดยทฤษฎีไหน
ก็เลยทำให้ได้มองโลกของโทราบุในการตีความ (และจิ้น) ของตัวเองอีกรอบให้ชัดเจนขึ้น
ฉากจบจริงๆ ว่าจะให้ปู่ต้องทนเหงารอซานิวะไป
แต่พอคิดในหัวแล้ว ดันเกิดสงสารปู่ขึ้นมาซะงั้น!! TT3TT
เลยเปลี่ยนฉากจบแบบให้ความหวังปู่ซะหน่อยละกันนะ

ที่แย่มากก็คือ ระหว่างที่คิดหาฉากจบให้ปู่
ดันได้เนื้อเรื่องต่อ ..... ทั้งที่กะว่าจะไม่เขียน =3=
ถ้าเขียนต่อล่ะยาวแน่งวดนี้ ไม่รู้จะเอาดีเหมือนกันน้ออออ
หรือจะฉับๆ มันให้สั้นดีน้อออออ ^^" ไม่รู้สินะ

ครั้งนี้ก็เชิญติชมได้ตามสะดวกนะคะ 
ขอบคุณค่า ^^/

**ลืมเขียน มาเพิ่ม
ที่ปู่บอกว่าซานิวะของเราเป็นสาวเลยวัยหาคู่ บลาๆ นั้นก็เพราะว่า
สาวๆ ในยุคเฮอัน ปกติจะแต่งงานกันตั้งแต่อายุประมาณ 13 ขวบค่ะ
นางเอกในเซตติ้งเราเป็นสาวบรรลุนิติภาวะแล้ว
ย่อมทำให้พระเอกนิสัยเสียของเรางงว่า แม่นางคนนี้รอดมาได้ยังไงจนโตป่านนี้ค่ะ XDDDD
ส่วนเรื่องตะเกียง ก็ย้อนกลับไปที่เรื่องหลัก ว่าตะเกียงถูกใช้แทนโคมที่จะแขวนไว้ในคืนแต่งงานของบ่าวสาวในยุคเฮอันค่ะ

10 comments:

  1. สนุกค่า XDDDD แอบสงสารปู่ว์

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณค่า ^^/
      จริงๆ นี่ก็สงสาร เลยเปลี่ยนฉากจบให้แล้ว
      ไม่งั้นน่าฉงฉานจนคนเขียนทนไม่ได้เลย XDDDD

      Delete
  2. ปู่แบบว่า..... ปู่คนนี้ ปู่ว์ //ขีดออก //พอๆเรียกปู่เยอะละ
    ปู่ของท่านอืมเมจตรงเด๊ะๆกับปู่ในสมองเราเลยค่ะ หลงรักเรื่องนี้จริงๆ :3
    ตัวคนอ่านคนนี้นะคะ คิดๆว่าบางทีให้ปู่แกรอ้หงาไปเลยจนกว่าจะเจอนางในใจ มันก็สนุก(??ไปอีกแบบค่ะ 55555

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณค่า ^^/
      จริงๆ ตอนจบตอนแรกเราเป็นแบบนั้นล่ะค่ะ
      เราว่ามันดีกว่าด้วยล่ะ
      แต่ .... สงสารปู่ขึ้นมา TT3TT เลยเปลี่ยนเป็นจบแบบมีความหวังให้ปู่ว์แทน

      Delete
  3. คืออยากให้เขียนต่อ ไม่ก็ขอยืมแนวเรื่องไปเขียนต่อแล้วอ่านเอง QwQ/

    ReplyDelete
    Replies
    1. เรื่องนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนต่อค่า ^^"
      จะพยายามไม่อู้นะคะ

      Delete
  4. อยากให้เขียนต่อจุง-3- // รู้สึกอยากป่วยดาบ

    ReplyDelete
    Replies
    1. มีโครงการจะเขียนต่อเหมือนกันค่า
      แต่ .... ดองอยู่ =_="
      //โดนตบ

      Delete
  5. สนุกอ่าา มาต่อน้าา ชอบมากๆเลยค่ะ แต่งเป็นเรื่องยาวเลยเห้อออTOT เค้าขอร้องงง//โดดเกาะขาไรท์

    ReplyDelete
  6. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete