แต๊นนนน
ฟรีเปเปอร์ที่เคยลงงานเมื่อปีมะโว้ค่าาาา
จะเอามาลงก็ลืมตลอด
วันนี้พึ่งร่างฟิค(มาดอง)ใหม่ เลยนึกได้ รีบเอามาแปะดีฟ่า XD
ชื่อว่า Touken Ranbu in Wonderland แต่จริงๆ ก็ออกมาแค่ตัวละครในแพรริ่ง กับ ซนว หญิงนะคะ
ยินดีรับคำติชมทุกประการจ้าา
Touken Ranbu Fanfiction - Touken Ranbu in Wonderland!! (Kogimika, Tsuruichi)
วันหนึ่งที่แสงแดดอ่อนยามบ่ายคล้อยส่องกระทบใบหน้าช่วยปลุกชายหนุ่มที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมกับหนังสือในมือให้ลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาสีทองคำปรากฏขึ้นก่อนจะเหลือบมองไปรอบๆ ข้าง แล้วสะดุ้งเฮือกให้เรือนผมสีน้ำทะเลไหว
"ทะ ... ที่นี่ ที่ไหน!?"
อิจิโกะฮิโตฟุริลุกขึ้นจนเผลอทิ้งหนังสือให้ร่วงลงกับพื้น ก่อนจะพบว่าชุดที่แต่งอยู่ในตอนนี้กลายเป็นชุดแบบเด็กสาวชาวต่างเมืองในกระโปรงยาวฟูสีฟ้า แขนเสื้อแบบตุ๊กตา และผ้ากันเปื้อนสีขาวประดับลูกไม้ตามริมขอบ ชายหนุ่มตกใจกับความรู้สึกหวิวโล่งของเรียวขาที่ไม่เคยได้รับมาก่อนจนต้องยืนหนีบขาเข้าหากันระหว่างมองสภาพรอบกายที่ไม่ใช่สถานที่ที่เขาคุ้นเคย แต่กลับเป็นริมชายป่าที่มีต้นไม้ขึ้นไม่มากเท่าไหร่ เสียงที่คุ้นหูเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"ไม่ทันแล้ว! ไม่ทันแล้ววววว!!"
เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มอีกคนที่อิจิโกะรู้จักเป็นอย่างดี เขามีเรือนผมสีขาวสะท้อนแสงเป็นประกาย และแต่งตัวด้วยชุดสีขาวทั้งร่าง ... แต่วันนี้ชุดที่เขาใส่ก็ดูแปลกตาเช่นกัน
ชุดสีขาวทั้งร่างที่ปกติเป็นชุดญี่ปุ่นใต้เสือคลุมสีขาวสะอาด ในตอนนี้กลับเป็นชุดสูทแบบฝรั่งเต็มยศผูกหูกระต่ายสีเทาและเสื้อโค้ทตัวนอกปล่อยชายยาวออกเป็นสองแฉก ในมือถือนาฬิกาพกเรือนใหญ่สีทองสะท้อนกับแสง กางเกงสูทสีขาวโพลนขยับไปมาตามการก้าวขาอย่างรวดเร็วกึ่งกระโดด ส่วนที่เด็ดที่สุดเห็นจะไม่พ้นหูกระต่ายเรียวยาวสีขาวบนศีรษะของเขานั่นเอง
"ไม่ทันแล้ว ไม่ทันแล้ว ทำไงดี"
ร่างสีขาวกระฉับกระเฉงนั่นแหวกสายลมเร็วราวกับจะหายไป ทำให้ชายที่กำลังใจแป้วกับการสวมกระโปรงครั้งแรกในชีวิตส่งเสียงเรียกออกไป
"ดะ เดี๋ยวสิครับ! ท่านทสึรุมารุ!!"
เมื่อได้ยินเสียงทสึรุมารุก็หันกลับมาโดยยังย่ำเท้าอยู่กับที่เพื่อวอร์มร่างกายให้พร้อมวิ่ง
"อ้าว อิจิโกะเหรอ? นายก็หลงมาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?"
"หลง... หรือครับ?"
อิจิโกะเอียงคอพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"แปลว่าท่านทราบหรือครับว่าเกิดอะไรขึ้น?"
ทสึรุมารุตอบโดยที่ไม่หยุดย่ำเท้าอยู่กับที่
"อืม ไม่เชิงนะ ชั้นแค่รู้ว่าที่นี่เรียกว่าวันเดอร์แลนด์อะไรเนี่ยล่ะ พอรู้สึกตัวก็มาอยู่ที่นี่ในชุดแบบนี้ด้วย แล้วจู่ๆ ชั้นก็ถูกราชินีหัวใจเรียกตัว บอกให้ไปในห้านาทีนี้ ไม่งั้นจะโดนตัดคอ"
"ตะ ... ตัดคอหรือครับ!!"
เจ้าตัวคนจะถูกตัดคอพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่คนฟังสะดุ้งเฮือกไปแล้ว
“เอาเป็นว่า ชั้นต้องไปก่อนล่ะ”
สิ้นคำพูด กระเรียนหนุ่มหูกระต่ายก็ออกตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว อิจิโกะที่รู้สึกไม่มั่นคงกับสภาพของตัวเองและกระโปรงจึงวิ่งตามไปติดๆ
“เดี๋ยวสิครับ ท่านทสึรุมารุ ข้าไปด้วย!”
ทสึรุมารุไม่ตอบ เพียงแต่วิ่งตรงไปยังโพรงมืดสนิทที่ต้นไม้ใหญ่ แล้วโดดลงไปอย่างไม่ลังเล อิจิโกะโดดลงไปพร้อมส่งเสียงร้องเหวอกับความมืดและความเวิ้งว้างราวกับไม่มีที่สิ้นสุดในนั้น แต่ไม่นานนักก็ปรากฏแสงสว่างปลายทาง และร่างทั้งสองก็พุ่งออกไปตามทางนั้นราวกับไหลไปกับสไลเดอร์ เคราะห์ดีของอิจิโกะที่มีสิ่งนุ่มๆ มารองรับร่างของเขาไม่ให้เจ็บปวดจากการไถลไปตามพื้นกระเบื้องเงางามก่อนจะไปจรดกับพรมสีแดงที่ถูกปูไว้ในห้องโอ่โถงราวกับอยู่ในปราสาท แต่เคราะห์ร้ายของทสึรุมารุที่เขาคือสิ่งนุ่มๆ ที่รองรับร่างของอิจิโกะนั่นเอง
“ท่านทสึรุมารุ เป็นอะไรรึเปล่าครับ!?”
เสียงนุ่มนั้นถามอย่างเป็นห่วง แต่เขาไม่รู้หรอกว่าสำหรับทสึรุมารุแล้ว มันคือความโชคดีในเคราะห์ร้ายที่เขาได้สัมผัสก้นที่นุ่มยิ่งกว่าเสียงของเขานั่นเอง
อิจิโกะลุกขึ้นจากฟูกสีขาวนุ่มแล้วขยับตัวไปประคองทสึรุมารุ ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น เบื้องหน้าของทั้งสองมีร่างของชายอีกสองคนเดินเข้ามา ชายคนนึงอยู่ใต้ผ้าคลุมหนาสีแดงฉานปกปิดร่างเสียจนมองไม่เห็นชุดภายใน สวมมงกุฏทองคำอร่ามบนผมสีเงิน ส่วนอีกคนที่เดินเคียงข้างกันมาประดับมงกุฏงามไว้บนเรือนผมสีน้ำเงินเข้ม ชุดของเขาเป็นสีแดงสดเช่นกัน แต่กลับเป็นกระโปรงสุ่มประดับลูกไม้และแขนตุ๊กตาพองพร้อมชายเสื้อยาวพริ้วไหว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มประดับจันทร์เสี้ยวส่องแสงจับจ้องไปที่ทสึรุมารุ
“มาช้าเสียจริง ทสึรุมารุ เดี๋ยวข้าก็จับไปตัดหัวเสียหรอก”
คำพูดนั้นฟังดูแล้วเอาจริงมากกว่าพูดเล่น มิคาสึกิปรายตาไปยังอิจิโกะที่อยู่ข้างๆ
“เอาเถอะ ข้ายกโทษให้ เพราะเจ้านำของดีมาด้วย”
ทสึรุมารุยังไม่ทันจะร้องเอ๋ มิคาสึกิก็โผไปเกาะแขนอิจิโกะ
“ข้าเล่นกับเจ้าดีกว่า อิจิโกะ เราเข้าไปห้องด้านในกันเถอะ ไม่งั้นข้าจะตัดหัวเจ้า”
มิคาสึกิพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ฟังอย่างไรก็ไม่เหมือนล้อเล่น แล้วดึงแขนอิจิโกะให้เดินเข้าไปห้องด้านใน ปล่อยทสึรุมารุยืนงงอยู่กับโคกิทสึเนะมารุที่ได้แต่ถอนหายใจ
สองหนุ่มยืนคุยกันเองในท้องงพระโรงของปราสาทหัวใจ ส่วนห้องบรรทมภายในมีอิจิโกะกับมิคาสึกินั่งคุยกันอย่างมิคาสึกิสนุกสนาน แต่อิจิโกะเหมือนตามน้ำไปเรื่อยๆ ก่อนที่มิคาสึกิจะหัวเราะแล้วส่งขวดแก้วที่มีน้ำสีแดงใสคล้ายน้ำหวานอยู่ด้านใน มีป้ายเขียนว่า drink me แขวนอยู่ที่คอขวด
“อิจิโกะ เจ้าดื่มนี่สิ”
อิจิโกะตั้งท่าเหมือนจะสงสัยหรือปฏิเสธ แต่มิคาสึกิยื่นนิ้วมาระดับคอแล้วขยับจากซ้ายมาขวาแทนสัญลักษณ์บางอย่างที่ทำให้อิจิโกะรีบคว้าขวดนั้นมาดื่ม รสหวานปะแล่มราวกับจะซ่อนรสขมที่อยู่ลึกๆ ไหลลงไปในคอทำให้รู้สึกประหลาดแค่ไม่นาน ก่อนจะกลายเป็นความรู้สึกร้อนวูบวาบจากภายใน ใบหน้าของอิจิโกะกลายเป็นสีแดงในเวลาไม่ช้า มิคาสึกิส่งเสียงหัวเราะในลำคอแล้วผลักอิจิโกะล้มลงบนโซฟาตัวยาวที่ทั้งสองนั่งอยู่
“ทะ ท่านมิคาสึกิ!?”
อิจิโกะร้องเสียงหลงเมื่อราชินีหัวใจส่งแสงจันทร์มองมาบนร่างของเขา แถมด้วยยกร่างตัวเองขึ้นมาอยู่บนร่างของเขาอีกต่างหาก นิ้วเรียวของมิคาสึกิจรดสัมผัสที่ริมฝีปากของอิจิโกะแล้วลากไล่ลงมาตามลำคอจนถึงแผ่นอกจากด้านบนชุด สัมผัสนั้นทำให้อิจิโกะรู้สึกร้อนขึ้นมากกว่าเดิมจนทำอะไรไม่ถูก มิคาสึกิก้มลงกระซิบเบาที่ข้างหู
“อิจิโกะ ...”
“จ๊ากกกก!! ตกใจไหมล่า!!”
ประตูห้องนอนถูกเปิดผางออกอย่างแรงแล้วกระต่ายหนุ่ม(?)ก็รีบกระโดดเข้ามาในห้อง ก่อนจะวิ่งเข้ามาที่ข้างร่างของชายทั้งสองบนโซฟา
“ต้องตกใจสิ!! ตกใจสินะ!! ชั้นเองยังตกใจเลย แต่พอแค่นี้เหอะ!”
ทสึรุมารุร้องโวยวายเสร็จแล้วก็ส่งเค้กชิ้นเล็กกว่าฝ่ามือที่มีคำว่า eat me เขียนอยู่ด้านบนให้กับอิจิโกะ เขารับขนมมาไว้ในมือด้วยความมึนงง ทสึรุมารุจึงต้องเน้นว่า “กินเข้าไปสิ!” แล้วจับมือของอิจิโกะ คะยั้นคะยอเอาเค้กขึ้นจรดกับริมฝีปาก
“ทสึรุมารุ ...”
ราชินีหนุ่มในชุดสีแดงที่คร่อมอยู่บนตัวของอิจิโกะส่งยิ้มยะเยือกพร้อมกับเรียกชื่อของคนที่เข้ามาขัดขวางในเวลาเข้าได้เข้าเข็ม แต่ทสึรุมารุหรี่ตาลงจ้องไม่ถอย
“ถ้านายจะเล่นเกมตัดคอ ชั้นจะยอมเล่นด้วยนะ ... แต่อย่ามายุ่งกับอิจิโกะ ...”
มิคาสึกิชะงักเมื่อกระเรียนต่ายไม่เล่นตามเกมเสียแล้ว ทสึรุมารุจึงฉวยโอกาสนี้รีบผลักมิคาสึกิออกจนสุดแรง แล้วช้อนอุ้มร่างของอิจิโกะวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ...
แสงแดดที่ส่องผ่านแมกไม้ทำให้อิจิโกะรู้สึกแสบตาไปพร้อมกับสับสน ภาพกิ่งไม้และแสงแยงตาเหนือหัวค่อยๆ ช้าจนหยุดลง ทสึรุมารุทรุดร่างลงกับพื้นใต้ร่มไม้ใหญ่ด้วยเสียงหายใจหอบหนัก
“ท่านทสึรุมารุ”
ทสึรุมารุเพียงแค่เอียงหัวไปตามเสียงเรียกและส่งยิ้มให้
“ตกใจไหมล่ะ? อิจิโกะ”
“ปะ ... เป็นอะไรไหมครับ!?”
“ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยเท่านั้นแหละ นายต่างหากล่ะ ... ดีขึ้นรึยัง?”
สีหน้าของอิจิโกะหายจากสีแดงแล้ว และความรุ่มร้อนในตัวก็หายไปด้วย เจ้าตัวพยักหน้าหงึกๆ ทสึรุมารุถอนหายใจอย่างโล่งใจ อิจิโกะมองใบหน้านั้นแล้วก็ถอนหายใจตามไปด้วย ก่อนจะยิ้มตอบชายหนุ่มแล้วขยับเข้านั่งชิด
“ขอบคุณมากนะครับ”
ทสึรุมารุได้โอกาสดึงร่างชายอีกคนมากอด อิจิโกะเผลอเกร็งตัวแต่ก็ยอมตามในทันที สัมผัสอบอุ่นแนบแน่นนั้นทำให้ใบหน้าของอิจิโกะค่อยๆ กลายเป็นสีแดงอีกครั้ง แต่ด้วยความหมายที่แตกต่างออกไป
“ไม่เป็นหรอก ถ้าเพื่อนายล่ะก็ ...”
กระเรียนหนุ่มยกมือขึ้นจับแก้มนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ บรรยากาศกำลังเป็นใจให้เจ้าตัวโน้มเข้าหา หมายจะชิมรสสตรอเบอรี่ อิจิโกะเองก็ค่อยหลับตาลงพริ้มแต่โดยดี ...
... ส่วนทางด้านปราสาทหัวใจ ... ราชินีเจ้าของปราสาทกำลังยัวะจัดที่มีกระต่ายตัวดีมาโฉบเอาของหวานแสนอร่อยของตนเองไปได้ และส่งกระแสออร่าสีดำทะมึน พลางสั่งตัดหัวคนโน้นคนนี้ด้วยรอยยิ้มยะเยือกไม่หยุด จนในที่สุดจิ้งจอกหนุ่มที่อยู่ข้างกายก็ทนไม่ไหวขึ้นมา
“พอเถอะ ... มิคาสึกิ”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้านี่ โคกิทสึเนะมารุ เจ้าไม่เห็นจะทำอะไรเลย อยู่ที่นี่ไปก็ไร้ประโยชน์”
“มิคาสึกิ ...”
มิคาสึกิไม่สนใจ หันหน้าหนีฟึดฟัดเล็กน้อย และกำลังจะออกอาญาสิทธิอีกครั้ง คราวนี้จิ้งจอกกลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น แล้วออกแรงดึงแขนเรียวนั้นให้ร่างตกเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนที่มิคาสึกิจะได้พูดอะไร ริมฝีปากของเขาก็ถูกโคกิทสึเนะมารุช่วงชิงไป เมื่อริมฝีปากทั้งสองแยกออกจากกัน มิคาสึกิได้แต่เรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบา
“... โคกิทสึเนะมารุ ...”
“ถึงเจ้าไม่มีอิจิโกะ ... เจ้าก็ยังมีข้าอยู่นี่”
มิคาสึกิหลบสายตาลง บ่นพึมพำเพียงแผ่วเบา
“ถ้าพูดอย่างนี้แต่แรกก็จบแล้ว ...”
อยู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้น แล้วภาพตรงหน้าของทั้งสี่คนก็เปลี่ยนไป กลับกลายเป็นเพดานของห้องที่คุ้นเคย พร้อมกับภาพของหญิงสาวคนนึงที่ยืนยื่นหน้ามามอง
“ได้สติกันหมดแล้วสินะคะ โชคดีจัง”
ชายสี่คนที่นอนแผ่หมดสภาพอยู่ในห้องโถงของฮงมารุลืมตาขึ้นแล้วค่อยลุกขึ้นนั่งอย่างงงๆ ทสึรุมารุเป็นคนแรกที่ถามคำถามขึ้นก่อน
“อารุจิ ... นี่มันอะไร?”
หญิงสาวถือหนังสือในมือขึ้นโชว์ หน้าปกเขียนไว้ว่า Alice in Wonderland
“ทสึรุมารุสินะคะที่ถือมาโดยพละการ มันเป็นหนังสือต้องคำสาปที่เขาส่งมาให้ชั้นดูค่ะ ดูเหมือนว่าเจ้าของเก่าที่ชอบหนังสือเล่มนี้มากจะทำให้มันมีจิตอยู่ในนี้ หากใครมาอ่านเข้าจะตกอยู่ในภวังค์นิทรา และจะสะท้อนสิ่งที่คนๆ นั้นคิดอยู่จริงๆ ในใจออกมาค่ะ”
“สิ่งที่คิดอยู่จริงๆ ในใจ?”
ชายสี่คนร้องออกมาพร้อมกัน ก่อนจะเลิ่กลั่กหันหน้ามองกันและกัน ซานิวะเอียงคองงกับสถานการณ์ แต่ก็ดุส่งท้ายแล้วถือหนังสือออกไปจากห้อง ทิ้งให้สี่คนอยู่ในสภาวะเงียบสนิท
“สิ่งที่อยู่ในใจงั้นรึ?”
โคกิทสึเนะเอ่ยปากขึ้น มิคาสึกิเบือนหน้าหนี แต่จิ้งจอกรีบคว้าจับร่างนั้นไว้ในวงแขน
“มิคาสึกิ สิ่งที่เจ้าพูดก่อนจะตื่นจากความฝันนั่นคือใจจริงของเจ้ารึ?”
มิคาสึกิพยักหน้าหงึก ก้มหน้าซ่อนใบหน้าที่เปื้อนความอายเอาไว้
“เพราะเจ้าจิ้งจอกไม่ได้เรื่อง เอาแต่ทำให้ข้าต้องรอนั่นล่ะ ข้าถึงอยากจะไปหาอิจิโกะให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย”
น้ำเสียงที่ดูประชดประชันกลับทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของโคกิทสึเนะมารุ
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องขอโทษเจ้าด้วย มิคาสึกิ เจ้าจะยกโทษให้จิ้งจอกเขลานี่ได้ไหม”
มิคาสึกิซุกกายเข้าอิงแอบกับแผ่นอกพร้อมพูดเสียงเบา
“ข้ามีทางไม่ยกโทษให้ด้วยหรือ”
ส่วนอีกคู่นึง พอเห็นอีกสองหนุ่มเข้าด้ายเข้าเข็มคืนดีกันแล้ว ทสึรุมารุเลยโผเข้ากอดอิจิโกะบ้าง อิจิโกะท่าทางตื่นตระหนกด้วยใบหน้าที่กลายเป็นสีสตรอเบอรี่ท่าทางหวานฉ่ำตั้งแต่ได้ยินเรื่องจากนายหญิงของตน
“ทะ ท่านทสึรุมารุ!”
“อิจิโกะ งั้นเรามาต่อจากในฝันกันเถอะ~”
“ดะ เดี๋ยวสิครับ!!”
“อิ~ จิ~ โกะ~”
เสียงโครมดังขึ้นที่กำแพงห้องโถงพร้อมร่างสีขาวของกระเรียนที่ปลิวไปจากการซัดกระเด็นด้วยฝีมืออิจิโกะที่เขินอายอย่างสุดฤทธิ์ แล้วเจ้าตัวก็รีบวิ่งหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทสึรุมารุนั่งหัวเราะแหะๆ พลางกุมหัวที่ปูดโนเป็นลูกออกมา ส่วนคู่รักจิ้งจอกจันทราที่ได้สมหวังเสียทีก็เพียงแต่หันมามองกระเรียนหมดสภาพแล้วร้อง “อานายะ” ออกมาพร้อมกันเบาๆ
No comments:
Post a Comment