Tuesday, June 7, 2016

Touken Ranbu Fanfiction -Tsuruichi - "วันขอแต่งงาน" (5 June)

แต่นแต๊นนนนนน
เลทจนได้ ... =3=
วันนี้มาเป็นฟิคต่อจากวันที่ 2 "วันทรยศ"  ค่า
ใครยังไม่ได้อ่านตอนแรก ไปอ่านได้เลยย
http://wasseryharp.blogspot.jp/2016/06/touken-ranbu-fanfiction-tsuruichi-2-june-betray-day.html

ฟิคปัจจุบันมันด่วน ปั่นในระยะสั้นอีกแล้ววว XDDDD
ติชมได้ค่าาาาา

Tsuruichi "วันขอแต่งงาน" (5 June)

... อิจิโกะฮิโตฟุริตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นสองวัน ...
ก่อนที่ตาจะลืมขึ้น มือสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
เมื่อดวงตาสีทองเปิดออก เพดานห้องซ่อมดาบที่คุ้นตาก็ปรากฏขึ้น
เจ้าตัวขยับกายหมายจะลุก แต่ความเจ็บปวดก็แล่นปราดเข้ามาในร่างกายเสียจนต้องทิ้งร่างลงบนฟูกอีกครั้ง ก่อนจะรู้สึกถึงความอบอุ่นที่มือขวาของตนเอง
อิจิโกะหันหน้าไปด้านข้าง
มือของเขาถูกกุมเอาไว้จากร่างสีขาวที่นั่งหลับอยู่ข้างฟูก

"ท่านทสึ ..."
เสียงแผ่วเรียกชื่อของอีกฝ่าย แต่กลับเงียบลงในทันที
อิจิโกะยังจำภาพที่เห็นก่อนหมดสติได้ ...
ทสึรุมารุ คนรักที่เย็นชากับเขา วิ่งเข้าไปปกป้องมิคาสึกิ
ส่วนตัวเขาเองถูกอาวุธของศัตรูแทงจากด้านหลังจนทะลุมาถึงด้านหน้า
คำพูดสุดท้ายที่เขาพูดออกมาราวกับหัวใจถูกแทงคือ
"... คนทรยศ ..."
พอนึกเช่นนั้น อิจิโกะก็ไม่กล้าเรียกชื่อคนที่อยู่ตรงหน้า
พร้อมกับรู้สึกร้อนๆ ขึ้นมาที่ดวงตาทั้งสองโดยไม่รู้สาเหตุ



อาจเป็นแรงจากการขยับร่างกาย หรือไม่ก็เสียงอันแสนเบาปลุกกระเรียนขาวให้ตื่นขึ้น
ดวงตาสีทองทั้งสองเปิดออกมาสบกับดวงตาสีทองอีกคู่หนึ่ง
อิจิโกะไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่เบิกตาโพลง
แต่ทสึรุมารุกลับปล่อยมือที่จับมือของอิจิโกะไว้
แล้วโผเข้ากอดร่างที่นอนอยู่ทันที
"อิจิโกะ!!"
ร่างกายที่มีบาดแผลลึกเจ็บปวดยามขยับ แต่อ้อมแขนนั้นอบอุ่นจนอิจิลืมแทบทุกสิ่ง
"ดีใจจังที่นายฟื้นแล้ว ... อิจิ ..."
มือสองข้างของทสึรุมารุจับไหล่ของอิจิโกะไว้แน่นราวกับต้องการยืนยันการมีอยู่ของเขา
"ถ้านายไม่ฟื้นขึ้นมา ... ชั้นคง ..."
ประกายในดวงตาของกระเรียนหนุ่มจางลงไป
"ชั้นคงต้องโทษตัวเองไปตลอดกาล"

"ท่านทสึรุมารุ ..."
อิจิโกะส่งเสียงเรียกชายตรงหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง
ทสึรุขยับตัวกลับไปนั่งข้างๆ และกุมมือของอิจิโกะเอาไว้
"ขอโทษนะ อิจิ ที่ชั้นไม่ได้สังเกตเลยว่านายเจ็บปวดขนาดไหน"
อิจิโกะหลบสายตาที่มองตรงมา ทสึรุมารุกำมือให้แน่นขึ้นอีกนิดแล้วพูดต่อไป
"พักหลังที่ชั้นไม่ได้มาหานายเท่าไหร่ ก็เพราะไปขออารุจิให้ส่งชั้นออกรบมากขึ้นอีกน่ะ ก็เลยเหนื่อย ไม่ค่อยได้เจอนาย"
"แล้วทำไม ..."
อิจิโกะยังคงหลบตา ส่งคำถามที่ไม่จบประโยคมาให้
ทสึรุมารุยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังยอมสนทนาด้วย
"มีของที่อยากได้อยู่น่ะ ราคาไม่น้อยเลยด้วย เลยต้องงัดเงินโบนัสไปซื้อเลยล่ะ"
เจ้ากระเรียนตอบเสียงใส ท่าทางอารมณ์ดีขึ้น แต่คนที่นอนอยู่กลับเงียบไปไม่พูดอะไรจนทำให้ทสึรุมารุเริ่มใจไม่ดี

"ข้าไม่ได้ถามถึงเรื่องนั้น ..."
อิจิโกะเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความลังเลใจ
ทสึรุไม่เข้าใจสิ่งที่พูด และพยายามมองหน้าของอีกฝ่าย
อิจิโกะบิดตัว พยายามจะซ่อนดวงตาที่รื้นน้ำตาเข้ากับหมอน
กระเรียนหนุ่มถึงได้รู้ความหมายของคำถามที่อีกฝ่ายอยากรู้
"หันมานี่สิ อิจิ"
อิจิโกะลังเลใจเพียงนิดหน่อย แล้วเงยหน้าขึ้นจากหมอน เห็นทสึรุมารุถือกล่องไม้ขัดเงางามขนาดเท่าฝ่ามืออยู่
"คือ พูดแล้วก็น่าอาย ... หลังจากชั้นซื้อของที่อยากได้เสร็จ เลยคิดว่าจะหากล่องใส่ แล้วไปเจอกล่องนี่สวยดีอยู่ในห้องเก็บของ โดยที่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องกล ..."
พอเริ่มเล่าเรื่องทสึรุก็ขมวดคิ้วเหมือนหน้าเสียนิดหน่อย
"ปกติชั้นเป็นคนทำให้คนอื่นตกใจแท้ๆ คราวนี้ดันต้องมาตกใจเองที่หาใส่แหวนเข้าไป พอปิดแล้วดันทางเปิดไม่ได้ ... และก็ไม่รู้ว่าเป็นคราวซวยหรือโชคดี ที่มิคาสึกิเคยใช้กล่องใบนี้มาก่อน ชั้นเลยต้องตามอ้อนวอนขอให้มิคาสึกิบอกวิธีเปิดกล่องให้"
ทสึรุมารุนึกถึงรอยยิ้มของคุณปู่ประจำฮงมารุที่ยิ้มอย่างสนุกกับการปั่นหัวตัวเองได้แล้วก็รู้สึกหงุดหงิด อยากเอาคืนขึ้นมา
"ตาแก่นั่นก็ไม่ยอมบอกง่ายๆ เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนดื่มชา จิบเหล้า ไม่รู้กี่อาทิตย์"

อิจิโกะเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนาอย่างไม่น่าเชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง
"ถ้าเช่นนั้นท่านก็ ..."
กระเรียนหนุ่มหันกลับมายิ้มให้กับชายที่ยอมมองตาเขาในที่สุด
"อือ ชั้นไม่เคยทรยศนาย อิจิ ไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ"
คราวนี้อิจิโกะรู้สึกละอายตัวเองขึ้นมาอย่างมากที่คิดไปเองคนเดียวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว รีบลุกพรวดพราดขึ้นมาจนร้องโอ๊ย แต่ก็ขยับตัวนั่งก่อนจะก้มหัวลงต่ำหลายครั้ง
"ขะ ... ขอโทษครับ! ท่านทสึรุมารุ ข้า..."
"ช่างมันเถอะน่ะ แต่ ... ขอบใจนะที่หึงชั้นถึงขนาดนั้น"
ทสึรุมารุใช้มืออีกข้างหนึ่งลูบหัวของอิจิโกะเบาๆ
"มาดูนี่ดีกว่า ไหนๆ ก็เปิดได้แล้ว"
กระเรียนหนุ่มส่งกล่องไม้ให้
"นายเป็นถึงขนาดนี้ มิคาสึกิไงๆ ก็ต้องยอมล่ะนะ ชั้นเลยเปิดมันได้แล้ว"
คนรับกล่องส่งสายตาสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะยกฝากล่องไม้ขึ้นช้าๆ
"... ท่านทสึรุมารุ ..."
"เป็นไงล่ะ ตกใจไหมล่า"
ทสึรุมารุยิ้มหน้าบานให้กับคนตรงหน้าที่น้ำตารื้นขึ้นอีกครั้ง
อิจิโกะรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดทั้งใบหน้า และดวงตาทั้งสอง
แต่หัวใจกลับอบอุ่นพองโตไปหมด
ภาพแหวนสีเงินเกลี้ยงฝังเพชรเม็ดเล็กๆ ที่วางอยู่ในกล่องชัดเจนเพียงพริบตาเดียว และเลือนเพราะน้ำตาที่เอ่อล้น
"ตะ ... ตกใจมากเลยครับ"
"แล้วดีใจไหม?"
ทสึรุมารุฉีกยิ้มกว้างให้ แล้วยื่นมือขึ้นปาดน้ำตาของอีกฝ่าย
"ดีใจ ... มากเลยครับ ..."
"งั้นก็ยิ้มหน่อยสิ ชั้นไม่ได้เห็นรอยยิ้มของอิจิของชั้นตั้งนานแล้วนะ"
"ครับ"
อิจิโกะเผยอยิ้มออกมาทั้งเสียงสะอื้น

"จะแต่งงานกับชั้นได้ไหม อิจิ"
ฝ่ายตอบรับสูดลมหายใจเข้าไป และส่งรอยยิ้มกว้างอย่างแสนมีความสุขออกมา
แม้ว่าใบหน้าจะยังเปื้อนน้ำตา แต่ก็ไม่ใช่น้ำตาจากความคับข้องอย่างที่เป็นมา
ทสึรุมารุนั่งรอฟังคำตอบ ที่แม้เขาจะรู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากฟังให้แน่ใจจากปากของอีกฝ่าย
อิจิโกะประสานดวงตาสีทองของตนเองให้หลอมรวมไปกับสายตาห่วงหาของอีกฝ่าย
"ครับ"
เสียงตอบของอิจิโกะแม้จะไม่ดังมาก แต่ก็ชัดเจนและแน่วแน่
เช่นเดียวกับความรู้สึกของทั้งคู่ ที่จะคงอยู่ไปตราบนานเท่านาน

No comments:

Post a Comment