Thursday, February 4, 2016

Touken Ranbu Fanfiction - KogiMika, TsuruMika, IchiMika - อลหม่านวันวาเลนไทน์ - ตอนต้น

แอบมาแปะฟิคค่าาาา
ยิ่งแต่งยิ่งยาวอีกแล้ว ... =3=

งวดนี้มาแบบออลมิกะ
คำเตือนคือ ฟิคนี้ไม่มีผู้ชายดีๆ นะคะ ฮาา
ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายเฮงซวยมาตบตีแย่งมิคาสึกิกันทั้งนั้น
ท่านใดไม่ชอบแนวนี้ ขอเชิญผ่านก่อนเลยค่า

เนื่องจากยิ่งเขียนยิ่งยาว อันนี้เลยขอเป็น "ตอนต้น" ค่ะ
ส่วนตอนจบ จะพยายามเขียนให้ทันวาเลนไทน์น้าาาา

ขอเชิญติดตามชมได้เลยค่า ><

Touken Ranbu Fanfiction - KogiMika, TsuruMika, IchiMika - อลหม่านวันวาเลนไทน์ - ตอนต้น
เมื่อฟ้าสาง แสงจันทร์ลาเลือนและแสงอาทิตย์จับขอบฟ้า เสียงนกร้องเคล้าคลออรุณรุ่งก็ค่อยดังขึ้น ประสานไปกับเสียงลมพัดแผ่วเบาอย่างเย็นเยียบในเช้าตรูของเดือนกุมภาพันธ์ที่ยังหนาวเหน็บอยู่
อาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้นเหนือแผ่นฟ้าดี ทำให้อากาศภายในฮงมารุแห่งนี้ยังคงเย็นยะเยือก
แต่ถึงอย่างนั้น ... กลับมีเงาร่างหนึ่งปรากฎขึ้นที่ระเบียงทางเดิน
ร่างสูงโปร่งในชุดเต็มยศสาวเท้าอย่างรวดเร็วแต่ปราศจากสุ่มเสียง แรงในการขยับกายทำให้ปลายผมสั้นสีน้ำทะเลไหว แสงอ่อนสีเดียวกับสีของนัยน์ตานั้นส่องสะท้อนเป็นประกาย
ร่างนั้นเดินเลี้ยวหัวมุมระเบียงทางเดิน แต่ก่อนจะถึงห้องเป้าหมายของเขา กลับมีร่างอีกร่างหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากหัวเลี้ยวอีกทางระหว่างนั้น


"อิจิโกะ ฮิโตฟุริ! จะไปไหนแต่เช้าน่ะ!"
แม้แสงจะยังไม่สาดส่องจนสว่างนัก แต่ชุดสีขาวทั้งตัวดูโดดเด่นชัดเจนท่ามกลางยามเช้าเช่นนี้
คนพูดส่งยิ้มให้อย่างร่าเริง แม้ว่าดวงตาทั้งสองจะจ้องเขม็งเป็นไฟก็ตาม
"แล้วท่านล่ะครับ ท่านทสึรุมารุ ปกติท่านไม่ใช่คนตื่นเช้านี่ครับ"
อิจิโกะที่ถูกทักและขวางทางส่งรอยยิ้มแบบเดียวกันกลับไป
"ขอตัวก่อนนะครับ ข้ากำลังรีบ"
เจ้าตัวรีบก้าวเท้าออกเดินต่อโดยไม่สนใจกระเรียนขาว แต่นกตัวนั้นกลับตีปีกไล่ตามมา
"แหม บังเอิญจังนะ ชั้นก็จะไปทางนี้เหมือนกันเลย"
ทสึรุมารุเหล่มองใบหน้างามๆ ตรงหน้าที่ส่งสายตาเย็นชาไม่แพ้ยามเช้านี้กลับมา
"แต่จริงๆ แล้วชั้นว่าไม่ได้บังเอิญหรอก ... นายก็จะไปใช่ไหมล่ะ ... ห้องของมิคาสึกิ"
ชื่อเป้าหมายปลายทางหลุดออกมาพร้อมกับเสียงคมดาบแหวกอากาศดังควับ ทสึรุมารุดีดตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด
"เฮ้ย!"
"ถ้าท่านจะไปห้องของท่านมิคาสึกิเช่นเดียวกันล่ะก็ ... คงต้องขอให้ท่านนอนจมกองเลือดรอเข้าห้องซ่อมอยู่ตรงนี้สักพักล่ะครับ! โอคาคุโกะ!!"
ประกายดาบคมปลาบวาดเข้าใส่ทสึรุมารุอีกครั้ง แต่เจ้ากระเรียนหนุ่มก็ใช่ว่าจะอยู่เฉยๆ รอให้คนเขาทำร้ายเสียเมื่อไหร่ ทสึรุมารุจึงคว้าดาบของตัวเองขึ้นรับส่งเสียงดังเคร้งก้องไปทั่ว
"เดี๋ยว เดี๋ยว อิจิโกะ เดี๋ยวอารุจิตื่น ก็โดนหางเลขกันไปหมดหรอก!"
"ถ้าอย่างนั้น ท่านทสึรุมารุช่วยอยู่นิ่งๆ ครู่เดียว เดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะครับ"
"ใครจะเฉยให้โง่ล่ะฟระ"
ร่างสีขาวดันดาบที่ถูกกดลงมาจากชายอีกคน แล้วสะบัดดาบนั้นออก ก่อนจะกลับมาตั้งหลักของตัวเอง
"ถ้านายพูดจาไม่รู้เรื่อง ชั้นจะให้นายไปนอนห้องซ่อมเองต่างหาก!"
ทสึรุมารุกระโจนใส่พร้อมกับฟาดดาบลงอย่างรวดเร็ว เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นอีกครั้ง
"หนวกหูอะไรกันตั้งแต่เช้า!!"
ประตูห้องที่อยู่ตรงหน้าสองคนเปิดออกพร้อมกับเสียงหงุดหงิดของเจ้าของห้อง
"จะจับพวกเจ้ามาปัดรังควานเสียให้หมด ไม่คิดว่าอิจิโกะฮิโตฟุริจะเป็นไปกับเขาด้วย"
ตัวส่งเสียงดังสองคนลดดาบในมือลง อิจิโกะลูบหัวของตัวเองเบาๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาได้เข้ามาถึงโซนห้องของพวกซันโจแล้ว
"ขอโทษครับ"
"โทษทีๆ"
อิชิคิริมารุอ้าปากหาวหวอด ก่อนจะบ่นต่อไปอีก
"ข้าพึ่งได้หลับลงอีกครั้งเมื่อครู่แท้ๆ จะรีบตื่นอะไรกันนักหนา แต่ละคน ..."
"เอ๋?"
ชายสองคนที่ฟังอยู่อุทานออกมาพร้อมกัน
อิจิโกะพูดพึมพัมออกมาเบาๆ
"ถ้าข้าจำไม่ผิด ... คนที่ร่วมห้องกับท่านอิชิคิริมารุก็คือ ..."
"โคกิทสึเนะมารุ!!!!"
ชายสองคนตะโกนออกมาในวินาทีเดียวกันแล้วรีบพุ่งตัวมุ่งหน้าไปยังห้องเป้าหมายของตนเองอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในชีวิต
ห้องเป้าหมายของทั้งสองคนอยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อยในโซนห้องซันโจ
เพราะอิมะโนะทสึรุกิกับอิวะโทโอชิต้องการใช้ห้องร่วมกันอยู่แล้ว และอิชิคิริมารุตัดสินว่าไม่สามารถให้โคกิทสึเนะมารุร่วมห้องกับมิคาสึกิได้ (ด้วยสาเหตุประการนั้นที่อิชิคิริมารุก็เข้าใจ ...) ทำให้เจ้าจันทราแสนงามได้ครอบครองห้องนอนเพียงผู้เดียว
เมื่อเจ้าชายหนุ่มกับกระเรียนขาวกระหืดกระหอบมาถึงหน้าห้องนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกด้วยความเร็วและความแรงที่ควรจะเรียกกว่ากระชากประตูออกเสียมากกว่า
"มิคาสึกิ!"
"ท่านมิคาสึกิ!"
คนถูกเรียกชื่อยังคงหลับไหลไม่ได้สติอยู่ในนิทรารมย์ เปลือกตาทั้งสองปิดสนิทเร้นจันทร์เสี้ยวดวงงามเอาไว้ ริมฝีปากอิ่มขยับยิ้มราวกับฝันอย่างแสนสุขอยู่
เพียงแต่ระยะห่างจากริมฝีปากนั้นทางด้านบนไม่ถึง 3 เซนติเมตร กลับมีริมฝีปากอีกหนึ่งกำลังโน้มลงมาในจังหวะที่พอเหมาะจนเกิดเงาใหญ่ตามร่างของเจ้าของทาบร่างของจันทราเอาไว้
"ไอ้จิ้งจอกลามก! จะทำอะไรมิคาสึกิน่ะ!"
คราวนี้เป็นทสึรุมารุที่รีบร้อนชักดาบออกจากฝักเข้าฟันร่างที่คร่อมอยู่เหนือมิคาสึกิ
โคกิทสึเนะมารุรีบโดดถอยหลบ
"ฮะ ฮะ จะทำอะไรรึ เจ้าเห็นแล้วเจ้าไม่รู้ไง ถ้าอย่างนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าดูเอง"
"ไม่ใช่ไม่รู้เฟ้ย! เขาเรียกถามเป็นประเพณี!!"
อิจิโกะที่มองอยู่ข้างๆ เหล่ไปยังแขกคนแรกของห้อง
"... ไม่คิดว่าท่านโคกิทสึเนะมารุจะทำเช่นนี้ ... ข้าเคยเห็นแต่แมวขโมย ไม่คิดว่าจิ้งจอกก็หัดขโมยกับเขาด้วย"
พอถูกลูบคมศักดิ์ศรีจิ้งจอก โคกิทสึเนะก็ยิ้มแยกเขี้ยวออกมา ปลายผมบนหัวก็สั่นไหวราวกับหูจิ้งจอก
"อิจิโกะฮิโตฟุริ จะเรียกว่าขโมยได้อย่างไร ในเมื่อมิคาสึกิไม่ใช่ของของเจ้า"
เจ้าชายหนุ่มตอบกลับดวงตากราดเกรี้ยวของจิ้งจอกด้วยรอยยิ้ม
"ทำไมจะไม่ใช่ล่ะครับ ในเมื่อข้ากับท่านมิคาสึกิเคยร่วมชีวิตเป็นสามีภรรยากันแล้ว"
"อิจิโกะ เรื่องนี้ชั้นก็ยอมไม่ได้นะ"
คำตอบของเจ้าชายหนุ่มเรียกเส้นเลือดให้ปูุดขึ้นพร้อมกันบนหัวของทั้งจิ้งจอกและกระเรียน
"แค่เจ้าของเก่าแต่งงานเป็นสามีภรรยา นายจะมาติ๊ต่างเอาเองว่าเป็นสามีของมิคาสึกิได้ไง"
"ทสึรุมารุพูดถูกต้อง แถมเจ้าก็ไม่มีความทรงจำสมัยนั้นไม่ใช่รึ"
สัตว์ขนขาวสองตนพูดเสร็จก็หันไปหัวเราะคิกคักให้กันและกัน กระเรียนตัวแสบยิ่งเสริมต่อไปอีก
"บางทีสมัยนั้น นายอาจจะได้แค่วิ่งตามตื้อมิคาสึกิที่ไม่เล่นด้วยก็ได้นะ คิกคิก"
"ท่านทสึรุมารุ เรื่องนี้ข้าก็ยอมไม่ได้นะครับ ..."
คราวนี้เป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามที่โดนลูบคมบ้าง เจ้าตัวเลยคว้าคมดาบในมือตัวเองออกมา
"ทีท่านเองก็เป็นแค่ดาบของลูกศิษย์ท่านซันโจ ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับท่านมิคาสึกิ พอมาถึงอยู่ดีๆ ก็มาทำตัวกระเซ้าเย้าแหย่ ไม่คิดบ้างหรือครับว่าท่านมิคาสึกิก็แค่เป็นเพื่อนเล่นเพราะเกรงใจท่านเท่านั้น"
"หนอย เจ้าอิจิโกะ สมัยอยู่ในคลังสมบัติไม่เห็นจะจิกกัดเป็นแบบนี้เลย"
ทสึรุมารุกำดาบในมือหันมาหาอิจิโกะแทนพร้อมด้วยสีเลือดขึ้นหน้า
"ใครจะเหมือนท่านทสึรุมารุที่เล่นไม่รู้เรื่อง ไม่พัฒนาเลยล่ะครับ"
ชายหนุ่มรูปหล่อสองคนถือดาบจ้องตากันส่งประกายไฟเปรี๊ยะๆ ไม่หยุด แต่ในจังหวะนั้นเองที่จิ้งจอกกลับค่อยๆ คืบคลานไปหาเจ้าหญิงนิทรา
พอจิ้งจอกถึงตรงหน้า และกำลังจะแย่งบทเจ้าชายปลุกเจ้าหญิงให้ตื่นขึ้น
คมดาบสองเล่มกลับขยับมาพาดข้างคอทั้งสองข้างของจิ้งจอก
"... จิ้งจอกขี้ขโมยเหมือนที่นายว่าเลย อิจิโกะ ..."
"ใช่ไหมล่ะครับ ท่านทสึรุมารุ ..."
"เอาไงดีล่ะ อิจิโกะ ... กำจัดคู่แข่งสักตัวตอนนี้เลยเป็นไง"
"เช้าตรู่แบบนี้ ห้องซ่อมยังว่างอยู่ด้วยนะครับ ..."
ก่อนจิ้งจอกหนุ่มจะถึงฆาต ก็เหมือนเทพจันทราช่วยเอาไว้ เมื่อเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้นเริ่มขยับช้าๆ ไอ้หนุ่มสามคนสะดุ้งโหยง คนชักดาบออกมาก็ร้อนรนรีบเก็บเข้าฝักจนกระเรียนร้องจ๊ากออกมาเบาๆ แล้วได้สีแดงแต้มที่มือตัวเองเล็กน้อย
แพขนตาขาวขยับขึ้นจนจันทร์เสี้ยวในตาได้ออกมาส่องแสง แล้วเจ้าตัวก็งัวเงียค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งจากฝูกที่นอนแสนนุ่ม ภาพเงาที่ยังไม่ชัดแล่นเข้าสู่ดวงตาสีราตรีนั้น และริมฝีปากบางก็ขยับยิ้ม
"อืม ... อรุณสวัสดิ์ ... มากันแต่เช้าเลยนะ"
เสียงนุ่มยิ่งกว่ากังสดาลใสดังขึ้น มิคาสึกิหันมายิ้มให้กับชายสามคนที่บัดนี้นั่งคุกเข่าเรียบร้อยอยู่ข้างฝูกที่นอนของเขานั่นเอง
"อรุณสวัสดิ์ มิคาสึกิ"
"อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านมิคาสึกิ"
"อา หวัดดี มิคาสึกิ"
เสียงทักทายของทั้งสามคนแทบจะดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่มีเสียงหอบจากความวุ่นวายหลงเหลืออยู่เลย รวมถึงความเนี้ยบของเสื้อผ้าหน้าผมที่ยุ่งเหยิงจากเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วย
มิคาสึกิยกชายเสื้อขึ้นป้องปากหัวเราะเบาๆ
"พึ่งจะรุ่งสางเท่านั้น ทำไมพวกเจ้าถึงมารวมกันที่ห้องของข้ากันหมดเช่นนี้ล่ะ"
"ข้าได้ยินจากอารุจิโดโนะครับ ว่าวันนี้พวกมนุษย์เรียกกันว่าวันวาเลน ..."
"มิคาสึกิ! วันนี้เราไปเที่ยวกันเถอะ!"
อิจิโกะฮิโตฟุริรีบเกริ่นขึ้นก่อน แต่กลับเป็นทสึรุมารุที่พูดตรงจุดตัดหน้าจบเสียก่อน เรียกเสียงฮึดฮัดเบาๆ ออกจากคนอื่น
"หืม? ทำไมล่ะ? ก็ได้สิ"
กระเรียนหนุ่มดีใจจนตัวลอยร้องเยส! ขึ้นมา
"งั้นพวกเราไปเที่ยวด้วยกันหมดเลยนะ ฮะ ฮะ"
พอมิคาสึกิพูดจบ กระเรียนที่ตัวลอยขึ้นก็ร่วงลงมากระทบพื้นในทันทีท่ามกลางการกระหยิ่มยิ้มเยาะของชายอีกสองคน
เจ้าจันทราค่อยขยับตัวลุกขึ้นจากฟูกนอน สาบเสื้อของเขาเลื่อนไหล่ตกลงจากไหล่เสียจนเผยผิวเนียนราวกับประกายแสงจันทร์ เสียงอื้ออึงดังออกมาจากสามหนุ่มพร้อมจนแต่ละคนแทบเอามือปิดปากตัวเองไม่ทัน
โคกิทสึเนะมารุที่รับหน้าที่แต่งตัวให้มิคาสึกิบ่อยที่สุดก็รีบพุ่งตัวไปจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ดี
"ฮะ ฮะ ขอโทษนะ ลำบากเจ้าประจำเลย"
เจ้าตัวส่งเสียงหัวเราะออกมาน้อยๆ โดยที่ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกว่าสำนึกผิดแม้แต่นิดเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นตัวคนฟังทั้งสามคนก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ แถมยังคิดว่าเป็นบุญตาที่ได้เห็นเสียอีก
โคกิทสึเนะมารุรับหน้าที่แต่งตัวให้กับมิคาสึกิตามปกติ ส่วนอิจิโกะกับทสึรุมารุรับหน้าที่เก็บฟูกที่นอนให้เรียบร้อย
เมื่อจันทร์เสี้ยวแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยในชุดสีน้ำเงินเข้ม เจ้าตัวก็เดินกรีดกรายออกมาจากห้องนอนของตัวเอง พร้อมกับมีคนติดตามสามคนเดินต้อยๆ ออกมาด้วยท่าทางกระตือรือร้น
"เอาล่ะ วันนี้เราจะไปที่ไหนกันดี"
มิคาสึกิหันควับมาถามสามหนุ่มที่เป็นฝ่ายชวน
"ไปทานอินาริซูชิเลิศรสกันดีไหม"
"ไปเก็บสตรอเบอรี่กันไหมครับ"
"ไปกินดังโงะอร่อยๆ กันไหม"
ทั้งสามคนพูดขึ้นมาพร้อมกันแล้วหันควับมาส่งสายตาจ้องเขม็งใส่กันและกันจนแทบเกิดประกายไฟ
"อา จริงสินะ ... เราไปในเมืองกันเถิด ข้ามีของที่อยากซื้ออยู่"
"ได้เลย!/ได้เลยครับ!"
เพียงแค่มิคาสึกิเสนอขึ้นมา ทั้งสามก็ตอบรับพร้อมกันเสียงแข็งจนมิคาสึกิแทบจะเห็นหางสุนัขกระดิกอยู่แล้ว
"เมือง" ที่ว่าคือสถานที่จำลองระหว่างมิติที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางอำนวยความสะดวกให้กับเหล่าซานิวะต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการซื้อหาสิ่งของทั้งสำหรับภาระหน้าที่ และสำหรับชีวิตประจำวัน
นอกจากตัวซานิวะเองแล้ว หนุ่มดาบทั้งหลายยังได้รับอนุญาตให้มาจับจ่ายใช้สอยสิ่งที่ตนเองต้องการจากเงินเดือนที่ได้รับอีกด้วย
จิตวิญญาณแห่งดาบระดับแรร์สุดยอดแรร์แถมเล่นตัวที่เหล่าซานิวะทั้งหลายหมายปองปรารถนา เมื่อมาเดินเรียงหน้ากันอยู่ในเมืองก็ย่อมโดดเด่นเป็นธรรมดา
มิคาสึกิเดินนำหน้าเล็กน้อย โดยมีอีกสามคนเดินตามอ้อล้อฉอเลาะหน้าบานแฉ่ง
"ข้าได้ฟังจากอารุจิเมื่อวาน ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษที่มนุษย์ให้ของขวัญกับคนสำคัญของตนเอง ..."
ริมฝีปากบางของจันทราขยับยิ้มเป็นรูปจันทร์เสี้ยวระหว่างเล่าเรื่องที่ทำให้คนเดินตามสามคนเบิกตาโต ทำตาเป็นประกายด้วยความหวัง
"ข้าจึงคิดว่าข้าจะมาหาซื้อของขวัญบ้าง ..."
"มิคาสึกิ! เจ้าจะซื้อให้ข้าหรือ?"
"พูดอะไรอย่างนั้น มิคาสึกิจะซื้อให้ชั้นต่างหาก"
"เสียใจด้วยนะครับ เพราะข้าต่างหากที่จะเป็นคนรับของไป"
สามหนุ่มเริ่มโต้เถียงกันอยู่ด้านหลังของดวงจันทร์ ส่วนมิคาสึกิยังคงพูดต่อไปโดยไม่ใส่ใจอะไร
"... ข้าว่าข้าจะนำของขวัญไปให้อารุจิเสียหน่อย ..."
แล้วเขาก็หันกลับมายิ้มหวานให้กับหนุ่มๆ ที่อึ้งกลายเป็นหินไปแล้ว
ร้านขายขนมในเมืองเองก็จัดเรียงชอคโกแลตเอาไว้มากมาย แถมยังมีป้ายตัวอักษรใหญ่โตติดไว้ว่า
"รวมฮิตชอคโกแลตวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก"
ตัวหนังสือที่เขียนกันชัดเจนขนาดนี้ ทำให้ชายหนุ่มสามคนมีความหวังขึ้นมาว่าเป้าหมายของตัวเองจะระลึกได้เสียทีว่าวันนี้เป็นวันแบบไหน
มิคาสึกิแหงนหน้าขึ้นมองป้ายตาแป๋วเสียจนจันทร์เสี้ยวในตาของเขาอาจจะกลายเป็นจันทร์เพ็ญขึ้นมา
"หืม ...? วันแห่งความรัก?"
ทสึรุมารุรีบวิ่งเข้าไปพูดข้างหูของจันทรา
"ใช่แล้วล่ะ วันนี้เป็นวันแห่งความรักของมนุษย์อย่างไรล่ะ"
อิจิโกะรีบเข้ามาพูดบ้าง
"ใช่แล้วล่ะครับ มนุษย์จะซื้อขนมที่เรียกว่าชอคโกแลต นำไปมอบให้กับคนที่ตนเองพึงใจ"
ก่อนโคกิทสึเนะมารุจะเข้ามาแทรกอีกคน
"แต่บางทีถ้าเปลี่ยนเป็นอินาริซูชิก็ได้เหมือนกันนะ"
อีกสองคนหรี่ตามองไปที่จิ้งจอกตัวที่พูดจาไม่เข้าพวกขึ้นมา
มิคาสึกิไม่ตอบอะไร แต่เดินเข้าไปที่กองขนมแล้วหันซ้ายหันขวาไปมา ก่อนจะยกมือขึ้นป้องปากตัวเองพลางครุ่นคิด
"ดูนี่สิครับ ท่านมิคาสึกิ"
อิจิโกะหยิบขนมกล่องหนึ่งขึ้นมาส่งให้มิคาสึกิดู
"นี่เป็นขนมชอคโกแลตเคลือบ 'สตรอเบอรี่' นะครับ"
เจ้าตัวเน้นเสียงหนักเฉพาะคำขึ้นมา
จันทราแสนงามส่งยิ้มพรายเสียจนสตรอเบอรี่เกือบร่วงหล่นจากต้น แต่เมื่อเขายื่นมือจะไปรับกล่องขนมนั้น ขนมอีกกล่องสีขาวสะอาดถูกยื่นเข้ามาถึงมือแทน
"โว๊ะ มิคาสึกิ! อันนี้ดีกว่านะ! ไวท์ชอคโกแลต 'สีขาวจั๊วะ' แสนจะน่ากินเลยล่ะ"
มิคาสึกิรับขนมกล่องนั้นขึ้นมามอง โดยที่สตรอเบอรี่ที่หลุดมือไปแล้วแทบจะย้อมกระเรียนสีขาวให้เปื้อนสีสตรอเบอรี่เสียเอง
"โอ เป็นสีขาวบริสุทธิ์แม้แต่กล่องเลยจริงๆ เสียด้วย ดูงดงามดีจริง"
กระเรียนหนุ่มเชิดหน้าด้วยความภูมิใจจนจิ้งจอกที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องใช้ศอกสะกิดแรงๆ เข้าที่เอว
"มิคาสึกิไม่ได้ชมเจ้าซะหน่อย อย่าเพ้อ"
ทสึรุมารุเอี้ยวตัวกุมเอวที่ถูกหยอกล้ออย่างจริงจัง เปิดโอกาสให้โคกิทสึเนะมารุดึงกล่องสีขาวสว่างกว่าผิวเนียนของมิคาสึกิออกจากมืองามนั้น
"สำหรับคนรุ่นอย่างเรา แบบนี้น่าจะเจ้าน่าจะชอบมากกว่านะ"
ก่อนจะยื่นขนมอีกกล่องให้กับมิคาสึกิ กล่องนั้นเป็นสีเหลืองเข้มมีลวดลายเป็นสีน้ำเงินราวกับอยากจะสื่ออะไรบางอย่าง บนกล่องเขียนว่า "ไดฟุกุไส้ชอคโกแลต"
"โอ้ นี่ก็น่าสนใจเลยทีเดียว"
จันทรารับขนมมาถือไว้ พร้อมกับขมวดคิ้วครุ่นคิด
"อะไรกัน ไม่น่าเชื่อว่าจิ้งจอกจะคิดถึงอย่างอื่นเป็นนอกจากเต้าหู้ทอดด้วย"
"นั่นสิครับ ข้าคิดว่าท่านจะเอาเต้าหู้เคลือบชอคโกแลตมาให้ท่านมิคาสึกิเสียอีก"
ทสึรุมารุพูดพลางจ้องกลับด้วยสายตาอาฆาตแค้น ในขณะที่อิจิโกะกลับยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะเป็นเชิงเย้ยหยัน
"พวกเจ้าสองคนไปฝึกฝนการจิกกัดแบบลูกคู่มาจากสมัยอยู่ในวังรึไง ..."
โคกิทสึเนะมารุบ่นออกมาเพื่อเห็นการเข้าขากันได้ดีราวกับเป็นคู่หูดูโอ้คู่ใหม่ของวงการ
"เอาเถอะ ... ยังไงก็ ... ต้องให้มิคาสึกิเป็นคนตัดสินสินะ ... มิคาสึกิ!"
"ใช่แล้วครับ! ท่านมิคาสึกิ!"
"มิคาสึกิ! เจ้าจะเลือกใคร!?"
ชายสามคนจิกกัดกันเอง ก่อนจะใจร้อนขึ้นมากันเอง แล้วหันไปถามพ่อจันทราแสนงามที่ยืนเคร่งเครียดอยู่
เมื่อมิคาสึกิรู้สึกถึงสายตารุ่มร้อนทั้งสามคู่ที่จ้องมองมาได้ เจ้าตัวจึงหันกลับไปหาพวกเขาก่อนจะส่งยิ้มหวานอีกครั้ง พลางพูดขึ้นว่า
"แต่ถ้าเป็นวันแห่งความรัก ... ข้าซื้อของขวัญไปให้อารุจิ พวกเจ้าอารุจิจะลำบากใจไหม ..."
สามหนุ่มที่ยืนกัดกันก็ได้แต่ยืนตัวแข็งไปด้วยความอึ้งทึ่งอย่างแสนลำบากใจ
เจ้าจันทราเดินเยื้องย่างตัวเบาด้วยความดีใจพร้อมกับกอดถุงกระดาษใบหนึ่งไว้แนบกับอก ตามมาด้วยลูกหมาสามตัวที่จริงๆ แล้วเป็นกระเรียน จิ้งจอก กับสตรอเบอรี่ วิ่งตามมาไม่ห่าง
มิคาสึกิเดินไปตามระเบียงไปจนถึงหน้าห้องของนายหญิงแห่งฮงมารุ ก่อนจะหันกลับมาโบกมือพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า
"เอาล่ะ ข้าขอตัวเข้าไปพบอารุจิก่อนล่ะนะ ขอบใจพวกเจ้ามากที่ไปเป็นเพื่อนข้าในวันนี้"
สามหนุ่มใบหน้ายิ้ม แต่ตัวแข็งทื่อทั้งที่เหงื่อแตกพลั่กๆ ไม่หยุด ต่างสรรหาคำพูดอะไรที่อยากจะรั้งตัวพระจันทร์ไม่ให้เร้นกายเข้าไปในห้อง แต่ก็นึกอะไรไม่ออก ได้แต่มองมิคาสึกิเดินหายไป

"... จบแล้วสินะ วันวาเลนไทน์ ..."
กระเรียนเป็นคนออกมาจากภวังค์เศร้าคนแรก
"... อา นั่นสินะครับ ..."
เจ้าชายสตรอเบอรี่ถอนหายใจยาวออกมา
"เพราะพวกเจ้าน่ะแหละ ..."
แต่จิ้งจอกกลับหันมาแยกเขี้ยวใส่
"ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้ามาขวาง ป่านนี้ข้าก็ได้ไปออก 'เดท' สารภาพรัก จู๋จี๋กับมิคาสึกิแล้ว!!"
"เดี๋ยวๆ เจ้าลูกหมา ไม่ได้แปลว่าพวกชั้นไม่มา มิคาสึกิจะยอมตอบรับนายซะหน่อย"
ทสึรุมารุส่งสายตาเขม่นกลับไป
"ใช่แล้วครับ แล้วเรื่องอะไรที่พวกข้าจะต้องยอมยกท่านมิคาสึกิให้กับท่านล่ะครับ"
อิจิโกะแม้จะตอบกลับด้วยทีท่าสุภาพ แต่ก็จ้องกลับด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่แพ้กัน
"เฮอะ"
จิ้งจอกหนุ่มส่งเสียงเหมือนจะเย้ยหยัน
"พวกเจ้าสองคนไปนั่งกินอิจิโกะไดฟุกุกันเสียก็จบเรื่องแล้ว แล้วก็ยกมิคาสึกิให้กับข้า"
"เอ๋?"
ชายอีกสองคนอุทานขึ้นมาในวินาทีเดียวกัน ก่อนจะหันมามองหน้ากันและกันราวกับเข้าใจความหมายของคำๆ นั้น
โคกิทสึเนะมารุเลยได้โอกาสสำทับต่อ
"ยังไงๆ พวกเจ้าก็เคยอยู่ด้วยกันที่โลกของมนุษย์นี้ วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ ..."
"ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านโคกิทสึเนะมารุ ... ท่านทสึรุมารุเป็นมิตรสหายที่ดีของข้า แม้ว่าจะเอาแต่ก่อเรื่องให้เกิดความวุ่นวายในพระคลังอยู่เสมอๆ นะครับ"
อิจิโกะเริ่มพูดขึ้นมาด้วยปากสั่นหงิกๆ กับมือระริก พร้อมจะชักดาบออกมาได้ทุกเมื่อ
"ใช่ อิจิโกะ ถึงจะทำตัวผู้ดีมีชาติตระกูล แต่จริงๆ แล้วก็เป็นแค่บราค่อน แถมยังชีกอ สโตรกเกอร์ตามมิคาสึกิต้อยๆ ตั้งแต่เจอกันที่นี่อีกต่างหาก"
"ท่านทสึรุมารุ!"
อิจิโกะชักดาบควับออกมา แต่ปลายดาบเปลี่ยนจากจิ้งจอก กลายเป็นกระเรียนแทน
"กับท่านมิคาสึกิ มันคือพรหมลิขิตต่างหากล่ะครับ!"
เจ้าตัวคนพูด พอคิดถึงจันทราแสนงาม แววตาก็เปลี่ยนเป็นหวานหยาดเยิ้ม
"อา ... แม้ว่าความทรงจำของข้าจะหายไป แต่เมื่อได้ประสานสายตากับจันทร์เสี้ยวนั่น ก็ราวกับหัวใจของข้าถูกเจ้าหญิงคางุยะช่วงชิงไป ..."
ทสึรุมารุทำแววตาเย็นชาเมื่อมองอิจิโกะที่กำลังเพ้อ แต่โคกิทสึเนะกลับแสยะยิ้ม
"เจ้าว่าคนอื่นได้รึไง ทสึรุมารุ สมัยก่อนนั้นเจ้ามันก็กระเรียนที่เอาแต่กระพือปีกไล่ตามจันทราเสียจนท่านพ่อโกะโจของเจ้า ต้องออกตามหาตัวเจ้าที่หายไป เพราะไล่ตามมิคาสึกิจนตกไปในสระน้ำจนเกือบสนิมขึ้น"
คราวนี้คบดาบเงาวับจากฝักดาบสีขาวถูกวาดขึ้นไปจ่อคอของจิ้งจอกหนุ่มในทันที ส่วนเจ้าชายหนุ่มแสนสุภาพกลับหัวเราะพรวดออกมาอย่างไม่เหลือมาด
"ไอ้จิ้งจอก ... แล้วนายล่ะ คิดว่าชั้นไม่รู้รึไง ..."
"หา?"
โคกิทสึเนะมารุก้าวถอยอย่างระแวดระวัง แต่ทสึรุมารุส่งยิ้มหวานออกมาโดยที่สายตายังคงกราดเกรี้ยว
"ที่นายถูกท่านพ่อซังโจของนายจับมัดไว้ในห้องตีดาบตั้งแต่เป็นตัวกะเปี๊ยก เพื่อลงโทษที่นายไปแอบดูมิคาสึกิอาบน้ำ แถมพอมิคาสึกิเริ่มโตหน่อย นายก็รีบเป็นหมาหวงก้าง ตามติดมิคาสึกิต้อยๆ แยกเขี้ยวใส่ทุกคนที่เข้าใกล้"
จิ้งจอกหนุ่มแยกเขี้ยวแล้วอ้าปากจนขากรรไกรค้าง
"ยังมีอีกนะ คราวก่อนตอนเมา อิวะโทโอชิเล่าให้ชั้นฟังเพียบเลย อย่างเช่น เรื่องที่นายเอาอินาริซูชิไปเพื่อจะสู่ขอมิคาสึกิ แล้ว ..."
ประกายดาบโคกิทสึเนะมารุส่องแสงวาบพร้อมกับเสียงเคร้งดังลั่นเมื่อกระทบกับยอดดาบอีกเล่มทสึรุมารุคุนินางะ
"เจ้าพูดมากไปแล้วนะ เจ้ากระเรียน อยากกลายเป็นสีแดงแล้วรึยังไง"
"แล้วใครเริ่มก่อนล่ะครับ"
อิจิโกะกำดาบพร้อม เพราะรู้ว่าอีกไม่นานที่นี่คงกลายเป็นวงไพบูลย์รบแน่นอน
จิ้งจอกร่างใหญ่บ่นออกมา
"ข้าเริ่มก่อนก็ได้ แต่สำหรับมิคาสึกิ ข้าเองก็มาก่อนเหมือนกัน ส่วนเจ้าน่ะมาหลังที่สุด อิจิโกะฮิโตฟุริ"
อิจิโกะหรี่ตาลงเล็กน้อยและยกมุมปากขึ้น
"ก็แปลว่า ท่านใช้เวลานานที่สุด แต่ก็ยังถูกท่านมิคาสึกิเมินสินะครับ"
ระหว่างที่ดาบสองเล่มกำลังแง่งๆ ใส่กัน เชื้อไฟจากหนุ่มดาบอีกคนก็ถูกเติมเข้ามา
"มิคาสึกินี่ช่างลำบากจริงน้อ มีพี่ชายเป็นจิ้งจอกหื่น แถมยังเจอคนรู้จักเก่าที่จำอะไรไม่ได้ แต่ทึกทักเอาเองว่าเป็นเนื้อคู่ตามตอแยอีก"
สายตาหาเรื่องจากอิจิโกะและโคกิทสึเนะมารุเคลื่อนมาส่งประกายโกรธขึ้นใส่ที่กระเรียนแทน ก่อนที่จะเกิดเสียงดาบประทะกันดังก้องไปทั่วฮงมารุ
"หนวกหูชะมัด!!"
นายหญิงแห่งบ้านเปิดประตูบานเลื่อนออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อจะพบผู้ชายเหมือนจะดูดีสามคนตะลุมบอนกันอยู่หน้าห้องของเธอ
"ทำอะไรกันอยู่น่ะ!"
ชายสามคนพอเห็นมิคาสึกิมุเนจิกะนั่งอยู่ในห้อง ต่างก็รีบดีดตัวมานั่งคุกเข่าสุภาพเรียบร้อย
"ก็นิดหน่อยน่ะขอรับ แค่สั่งสอนเด็กๆ ไม่รู้กาละเทศะน่ะขอรับ"
"ก็แค่สั่งสอนพวกผู้สูงอายุที่หลงๆ ลืมๆ แล้วน่ะครับ"
"เดี๋ยว คนอายุตรงกลางอย่างชั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีสิ"
ซานิวะสาวยืนกอดอกตั้งท่าจะเริ่มเทศนา แต่มิคาสึกิที่นั่งอยู่ข้างหลังหันมาโบกมือให้ชายสามคน ทั้งสามคนต่างก็ทำหน้าบานแล้วโบกมือกลับหยอยๆ
เส้นเลือดบนหัวของซานิวะก็ปูดขึ้นมา
"ไม่สำนึกเลยสักนิดนี่นา!! ไปเช็ดอึม้าให้หมดเลยไป๊!!"
นายหญิงตะเพิดไล่หมาหวงก้างสามตัวที่มากัดกันออกไปจากหน้าห้องของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วหันไปหาก้างแสนงามที่คงเป็นก้างที่งดงามที่สุดใบประวัติศาสตร์
"แล้ว ... ตกลงมิคาสึกิจะเอายังไงล่ะ?"
พ่อจันทราส่งยิ้มให้กับนายของตนเองแทนคำตอบโดยไม่ได้ปริปากอะไร

To be continued ...

===========================================
มาโหวตกันดีมั้ยว่าใครจะได้เป็นพระเอกของงานนี้ XDDDDDDD
===========================================
แอบมาอัพฉากจบค่า XDDDD
ไปดูกันได้ตามนี้เลยน้าาา

Kogimika
http://wasseryharp.blogspot.jp/2016/02/touken-ranbu-kogimika-ichimika-tsurumika-2016valentine-kogimika.html
Ichimika
http://wasseryharp.blogspot.jp/2016/02/touken-ranbu-kogimika-ichimika-tsurumika-2016valentine-ichimika.html
Tsurumika
http://wasseryharp.blogspot.jp/2016/02/touken-ranbu-kogimika-ichimika-tsurumika-2016valentine-tsurumika.html
แถม : Mikasani
http://wasseryharp.blogspot.jp/2016/02/touken-ranbu-kogimika-ichimika-tsurumika-2016valentine-mikasani.html

4 comments:

  1. .....ถ้าจะโหวตให้คนอื่นคาบมิกะสึกิไปเนี่ยมันจะได้มั้ยนะ?
    แต่ถ้าให้เลือกจากทั้งสามคน มันก็เลือกไม่ถูกอ่ะนะ เพราะทั้งสามคนก็มีความสำคัญกับมิคาสึกิพอกันทั้งคู่ แต่หลักๆคงเป็นโคกิสึเนะที่อยู่กับมิกะสึกิมาตั้งแรกกับอิจิโกะที่เคยมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน (แต่เจ้าตัวก็ดันไม่มีความทรงจำในช่วงนั้นนี่สิ มิกะสึกิคงเศร้าน่าดูเพราะทีตอนของโฮเนะบามิยังซึมเลยนินะ)
    สรุปอยากได้แบบออลมากกว่านะคะ หรือตามแต่ไรท์เลยค่ะ
    ขอบคุณที่แต่งมาให้ได้อ่านกันนะคะ

    ReplyDelete
  2. น่ารักมากกกกกก ออลมิกะคือดีงามค่ะ เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเชียร์คู่ไหน สรุปว่ากรี๊ดหมดละกัน 555

    แต่งอีกนะคะ จะคอยคิดตามค่า

    ReplyDelete
  3. PLEASE TRANSLATE THIS SERIES TO ENGLISH!! I BEG YOU

    ReplyDelete
    Replies
    1. TT3TT Oh sorry, I don't have english skill that much.

      Delete